การบรรลุธรรมของหลวงปู่ GL 305 ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์ หน้า 33
หน้าที่ 33 / 157

สรุปเนื้อหา

พระคุณของเจ้าอธิการชุ่ม เจ้าคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ช่วยให้ท่านเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดโบสถ์บน ในการบรรลุธรรมที่สำคัญ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปี พ.ศ. 2460 ท่านกลับจากบิณฑบาตและเข้าไปนั่งสมาธิในพระอุโบสถโดยตั้งใจว่าจะไม่ลุกออกจากที่จนกว่าจะได้ยินเสียงกลองเพล ความเพียรวัย 15 พรรษา รวมกับความอดทนทำให้ท่านสัมผัสถึงดวงธรรมที่ชัดเจนและประสบความสุขในวันนั้น

หัวข้อประเด็น

-บรรลุธรรม
-เจ้าอาวาสวัดโบสถ์บน
-การทำสมาธิ
-พระปริยัติธรรม
-ความเพียรของหลวงปู่

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระคุณของเจ้าอธิการชุ่ม เจ้าอาวาสวัดโบสถ์บน ซึ่งเคยถวายคัมภีร์มูลกัจจายน์ และคัมภีร์พระธรรมบท ให้ท่านได้เรียนพระปริยัติธรรม ด้วยการช่วยแสดงธรรมให้กับพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาในวัด หลวงปู่จึงกราบลาเจ้าคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เข้ม) เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ เดินทางไป จำพรรษาที่วัดโบสถ์บนในพรรษาที่ 12 เมื่อถึงกลางพรรษา ก็มีความคิดว่า “ในเมื่อเราตั้งใจจริงๆ ในการ บวช จำเดิมอายุ 19 เราได้ปฏิญาณตนบวชจนตาย ขออย่าให้ตายในระหว่างก่อนบวช บัดนี้ก็ได้บอก ลามาถึง 15 พรรษา ย่างเข้าพรรษานี้แล้ว ก็พอแก่ความประสงค์ของเราแล้ว บัดนี้ของจริงของแท้ ที่พระพุทธเจ้าท่านรู้ท่านเห็น เราก็ยังไม่ได้บรรลุ ยังไม่รู้ไม่เห็น สมควรแล้วที่จะต้องกระทำอย่าง จริงจัง” การบรรลุธรรม ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 (ปี พ.ศ. 2460) เมื่อกลับจากบิณฑบาตแล้ว ท่านก็เข้าไปนั่งสมาธิ เจริญภาวนาในพระอุโบสถ ขณะนั้นเวลาประมาณ 8 โมงเศษๆ ท่านก็เริ่มทำความเพียร โดยตั้งใจว่าหาก ยังไม่ได้ยินเสียงกลองเพล จะไม่ยอมลุกจากที่ เมื่อตั้งใจดังนั้นแล้ว ก็หลับตาภาวนา “สัมมา อะระหัง” ไป เรื่อยๆ จนกระทั่งความปวดเมื่อย และอาการเหน็บชาค่อยๆ เพิ่มทีละน้อยๆ และมากขึ้นจนมีความรู้สึกว่า กระดูกทุกชิ้นแทบจะระเบิดหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ จนเกือบจะหมดความอดทน ความกระวนกระวายใจก็ตามมา “เอ....แต่ก่อนเราไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เลย พอตั้งสัจจะลงไปว่า ถ้ากลองเพลไม่ดังจะไม่ลุกจากที่ เหตุใดมันจึงเพิ่มความกระวนกระวายใจมากมายอย่างนี้ ผิดกว่าครั้งก่อนๆ ที่นั่งภาวนา เมื่อไรหนอ กลองเพลจึงจะดังสักที” คิดไปจิตก็ยิ่งแกว่งและซัดส่ายมากขึ้น จนเกือบจะเลิกนั่งหลายครั้ง แต่เมื่อได้ ตั้งสัจจะไปแล้วท่านก็ทนนั่งต่อไป ในที่สุดใจก็ค่อยๆ สงบลงทีละน้อย แล้วรวมหยุดเป็นจุดเดียวกัน เห็น เป็นดวงใสบริสุทธิ์ขนาดเท่าฟองไข่แดงของไก่ ในใจชุ่มชื่นเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก ความปวดเมื่อยหาย ไปไหนไม่ทราบ ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงกลองเพลก็ดังขึ้น วันนั้นท่านมีความสุขตลอดทั้งวัน ดวงธรรมขั้นต้นซึ่งเป็นดวงใสก็ยังเห็นติดอยู่ตรงศูนย์กลางกาย ตลอดเวลา ในช่วงเย็น หลังจากได้ร่วมลงฟังพระปาฏิโมกข์กับเพื่อนภิกษุ ท่านได้เข้าไปในพระอุโบสถแล้ว ตั้งสัตยาธิษฐานว่า “แม้เลือดเนื้อจะแห้งเหือดหายไป เหลือแต่หนัง เอ็น กระดูก ก็ตามที ถ้านั่งลงไป แล้วไม่บรรลุธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงเห็น จะไม่ยอมลุกขึ้นจากที่จนตลอดชีวิต” เมื่อตั้งจิตอธิษฐานเสร็จ จึงเริ่มนั่งและตั้งจิตอ้อนวอนแด่พระพุทธเจ้าว่า 1 วโรพร, ตามรอยพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อวัดปากน้ำ), (กรุงเทพฯ : ฟองทองเอ็นเตอร์ไพรซ์, 2543), หน้า 35 * หมายถึง 15 ปี นับตั้งแต่เริ่มอธิษฐานจิตที่คลองบางอีแท่น 18 DOU ปฏิปทา มหาปูชนียาจารย์
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More