ข้อความต้นฉบับในหน้า
ไว้แล้ว ขอให้ช่วยกันทำกิจการนั้นๆ อย่าทอดทิ้ง ท่านได้ชี้แจงโครงการพัฒนาวัดปากน้ำให้
คณะศิษย์ช่วยกันดำเนินต่อไปให้สำเร็จ
ท่านเคยพยากรณ์พระธรรมดิลก (ปุ่น ปุณณสิริ) วัดพระเชตุพนฯ ไว้ว่า จะได้เป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์
หลังจากหลวงปู่มรณภาพไป 13 ปี คือ พ.ศ. 2515 ท่านก็ได้รับการสถาปนาให้เป็นสมเด็จพระอริยวงศา
คตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สมเด็จป๋า) ทุกคนก็ได้ประจักษ์แจ้งว่าคำพยากรณ์ของหลวงปู่ไม่เคยพลาด
สมเด็จพระสังฆราชได้เสด็จมาถวายเครื่องสักการบูชาแด่หลวงปู่ที่วัดปากน้ำ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2515
หลังจากที่ทำพิธีถวายเครื่องสักการะแล้ว ท่านได้ประทานโอวาทว่า “ที่มาวันนี้ก็เพื่อจะมาถวายสักการะ
หลวงพ่อ ด้วยความตั้งใจของหลวงพ่อได้เคยพูดไว้อย่างไร และความตั้งใจของหลวงพ่อนั้นก็ปรากฏ
ตามที่หลวงพ่อได้พยากรณ์ ซึ่งขณะนี้ก็ได้เป็นพระผู้ใหญ่สูงสุดในคณะสงฆ์ สมความปรารถนาของ
หลวงพ่อแล้ว จึงได้นำสักการะมาถวายหลวงพ่อเป็นกรณีพิเศษ แปลกกว่าปีก่อนๆ นั้น”
นอกจากพยากรณ์สมเด็จพระสังฆราช หรือที่มักเรียกกันว่าสมเด็จป๋าแล้ว ยังพยากรณ์สมเด็จ
พระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำองค์ปัจจุบัน ตั้งแต่ครั้งท่านเจ้าประคุณ
สมเด็จยังเป็นสามเณรว่า “องค์นี้แหละจะได้เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำองค์ต่อไป”
สมัยหนึ่งคณะศิษย์เห็นว่ากุฏิของหลวงปู่เก่าทรุดโทรมมาก อยากให้หลวงปู่ท่านอยู่สะดวกสบาย
ขึ้นจึงรวมทุนกันสร้างตึกถวายท่าน คือ ตึกมงคลจันทสร ระหว่างกำลังก่อสร้าง หลวงปู่มักจะออกมานั่ง
ดูเสมอ เมื่อมีผู้ถามถึงตึกหลังนี้ ท่านมักจะบอกว่า “ตึกหลังนี้สร้างให้ช่วงเขาอยู่” ในปัจจุบันนี้ ตึกมงคล
จันทสรก็เป็นกุฏิของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำองค์ปัจจุบันจริงๆ
สมัยก่อนนั้น ที่วัดปากน้ำยังไม่มีถนนตัดเข้าไปถึง ผู้ที่จะมาวัดปากน้ำต้องมาทางเรือหรือ
เดินเท้า ถนนในวัดจึงเป็นเพียงทางเท้าแคบๆ แต่หลวงปู่ท่านได้สั่งให้ตัดถนนผ่าน มีความกว้างขนาด
รถยนต์แล่นได้ ในสมัยนั้นถนนสายนี้จึงเป็นถนนที่ใหญ่ที่สุดในวัด ทำให้ผู้คนพากันประหลาดใจว่า
ทำไมหลวงปู่จึงให้ตัดถนนใหญ่โตเช่นนั้น ท่านตอบว่า ต่อไปรถยนต์จะเข้าถึงวัด มีหลายคนที่ไม่เชื่อ
คำพูดของท่าน เพราะยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเป็นไปได้ บางคนถึงกับพูดว่าอีกร้อยปีรถยนต์ก็ยังเข้าไม่ถึงวัด
แต่แล้วหลังจากที่หลวงปู่มรณภาพได้ 2 ปี รถยนต์ก็แล่นเข้าจอดถึงในวัดได้ตามที่ท่านพยากรณ์ไว้
อีกเรื่องหนึ่ง ในสมัยที่นายสมจิตร ฉ่ำรัศมี มีอายุประมาณ 18 ปี ยังอยู่ที่จังหวัดอ่างทอง
ขณะกำลังนอนหลับอยู่ได้ยินเสียงหลวงปู่วัดปากน้ำแว่วมาว่า ให้ไปวัดปากน้ำ แต่นายสมจิตรเป็นคนไม่เชื่อ
อะไรง่ายๆ เสียงก็แว่วมาอีกว่า “เฮ้ย ต่อไปไม่ต้องหุงแล้วหม้อดินนี้ จะมีหม้อทิพย์ กดปุ๊บติดปั๊บเลย”
สมัยนั้นยังหุงข้าวด้วยหม้อดิน แล้วได้ยินอีกว่า “แล้วหูทิพย์ ตาทิพย์จะเกิดขึ้นเอง” นายสมจิตรได้ยินก็
ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ พอต่อมาก็มีโทรศัพท์และโทรทัศน์ใช้กัน
หลวงปู่ยังเล่าให้นายสมจิตรฟังอีกว่า ต่อไปยุคเอ็งจะได้เห็นปราสาท 3 ฤดู (คอนโดมิเนียมติดแอร์)
ภาคที่ 1 ประวัติ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) DOU 67