ข้อความต้นฉบับในหน้า
คุณค่าของบท “สัมมา อะระหัง” มีความหมายสูงมาก เป็นบทแสดงพระคุณอันสูงสุดของ
พระพุทธเจ้าโดยตรง การที่พระปรมาจารย์ทรงกรรมฐาน นำพุทธคุณบทนี้ไปใช้ในการบริกรรมฝึกจิต และ
ฝึกสอนศิษย์ของตนนั้น นับว่าท่านเข้าใจ และมีจิตมุ่งสูงส่ง เพราะตลอดเวลาที่บริกรรม “สัมมา อะระหัง”
ท่านจะต้องพยายามเข้าถึงบทบริกรรมนี้ให้ได้ กล่าวคือ มีจิตมุ่งทำลายกิเลส ประพฤติตนเป็นนาบุญบริสุทธิ์
และเว้นขาดจากความชั่วทั้งในที่ลับและที่แจ้ง นับเป็นสุปฏิบัติโดยแท้
หยุดเป็นตัวสำเร็จ
หลวงปู่ท่านสอนการปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย โดยให้น้อมนำใจมาหยุดไว้ที่
ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ตลอดเวลา หมั่นตรึกระลึกนึกถึงศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ประหนึ่งว่า ขาดการ
น้อมนึกอย่างนั้นไม่ได้ดังลมหายใจ กลวิธีที่ท่านใช้เป็นกุศโลบายให้ใจเกาะเกี่ยวอยู่กับศูนย์กลางกาย ก็คือ
ให้นึกถึงบริกรรมนิมิตเป็นองค์พระแก้วใส หรือเป็นดวงแก้วกลมรอบตัว ใสบริสุทธิ์ มีบางท่านติเตียน
ท่านว่าสอนให้ติดรูป สอนให้ติดนิมิต เมื่อหลวงปู่ทราบท่านบอกว่า
“เมื่อไม่ติดทำไมจึงจะรู้ว่าหลุด เปรียบเสมือนกับการขึ้นบันได ถ้าเราเหยียบบันไดไม่มั่นแล้ว เรา
จะก้าวต่อไปให้มั่นได้อย่างไร ถ้าเราจะเหยียบบันไดขั้นที่ 2 เหยียบบันไดขั้นที่ 1 ให้มั่นเสียก่อน แล้วเราจึง
ก้าวต่อไปถึงขั้นที่ 2 เมื่อจะก้าวต่อไปที่ขั้นที่ 3 ก็ต้องเหยียบขั้นที่ 2 ให้มั่น และเราก็ไม่ได้ติดอยู่ที่ขั้นเดียว”
หลวงปู่ท่านอธิบายถึงความหมายของคำว่า หยุดไว้ว่า “หยุดนั่นแหละเป็นตัวสมถะเป็นตัวสำเร็จ”
คือ สำเร็จหมดทั้งทางโลกและทางธรรม “โลกที่จะได้รับความสุขได้ ใจก็ต้องหยุดตามส่วนของโลก
ธรรมที่จะได้รับความสุข ใจต้องหยุดตามส่วนของธรรม หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ หยุดนั่นเองเป็น
ตัวสำคัญ หยุดคำเดียวเท่านั้นถูกทางสมถะตั้งแต่ต้นจนเป็นพระอรหันต์ เป็นตัวศาสนาแท้ๆ
ถูกโอวาทของพระบรมศาสดา ถ้าไม่หยุด จะปฏิบัติศาสนาสักกี่ปีก็ช่าง 40-50 ปีก็ช่าง แต่ถ้าทำใจให้
หยุดไม่ได้ เป็นไม่ถูกร่องรอยพระพุทธศาสนา”
หลวงปู่ท่านยกตัวอย่างเรื่ององคุลิมาล ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงแก้ไข แสดงธรรมะจนองคุลิมาล
สำเร็จเป็นพระอรหันต์ด้วยคำว่า หยุด คำเดียว เมื่อทำใจให้หยุดได้แล้ว ก็ต้องหยุดในหยุดๆ ไม่มีถอย
หลังกลับ หยุดในหยุดๆ ๆ อยู่นั่นเอง ใจที่หยุดนั้นต้องถูกกลาง ถ้าไม่ถูกกลางก็ใช้ไม่ได้
พอใจหยุดนิ่งสนิทอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 แล้ว ก็เห็นเป็นดวงใสเท่าดวงอาทิตย์ดวงจันทร์
ผุดขึ้นที่ใจหยุดนั้น เรียกว่า ตกศูนย์ พอเห็นศูนย์ใจก็หยุดอยู่กลางศูนย์นั้น กลางดวงในเท่าดวงอาทิตย์
ดวงจันทร์นั้น ดวงนี้เรียกว่า ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน อีกนัยหนึ่งเรียกว่า ดวงปฐมมรรค หรือ
เอกายนมรรค แปลว่า หนทางเอกไม่มีโท หนทางหนึ่ง สองไม่มี เป็นทางไปของพระพุทธเจ้า
58 DOU ปฏิปทา มหาปูชนียาจารย์