การเพาะนิสัยและโภชนาการในเด็ก SB 202 วัฒนธรรมชาวพุทธ หน้า 29
หน้าที่ 29 / 169

สรุปเนื้อหา

การฝึกนิสัยที่ดีในเด็กสามารถทำได้ตั้งแต่เล็ก โดยการกินอาหารในเวลาที่เหมาะสมและถูกต้องตามหลักโภชนาการจะช่วยให้เด็กมีสุขภาพดีและนิสัยที่เป็นระเบียบวินัย ซึ่งการให้เด็กเลือกกินอาหารมีผลต่อพัฒนาการและสุขภาพร่างกาย ภาพรวมแสดงให้เห็นว่าการเลี้ยงดูและการให้โภชนาการที่เหมาะสมมีความสำคัญยิ่งและสามารถสร้างนิสัยในการกินที่ดีให้ลูกได้ โดยเฉพาะในเด็กที่มีการเลี้ยงดูที่ยึดหลักโภชนาการมากกว่าเด็กที่ได้รับการเอาใจใส่เกินเหตุ.

หัวข้อประเด็น

-ความสำคัญของโภชนาการในเด็ก
-วิธีการสร้างนิสัยที่ดี
-เปรียบเทียบการเลี้ยงดูเด็กสองแบบ
-ผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก
-การสอนความเกรงใจในเด็ก

ข้อความต้นฉบับในหน้า

และยิ่งถ้าฝึกอะไรเป็นเวลาอย่างนี้ ตั้งแต่เวลากินก็ตรงเวลา เวลาถ่ายก็ตรงเวลา ท้องของเด็ก จะปรกติ สุขภาพจะดี นิสัยของเด็กก็จะเป็นระเบียบวินัย แล้วเด็กก็จะไปของเขาได้ดี เพราะฉะนั้น ถ้าให้เด็กย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำอย่างไร ก็จะได้นิสัยอย่างนั้น จากเหตุผลดังกล่าวนี้ ทำให้บรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย ของเราสาวไปจนกระทั่งพบว่า นิสัยของ คนเรา เพาะขึ้นมาได้จากการย้ำคิด พูด ทำตั้งแต่นอนแบเบาะ “คำข้าว” ของพ่อแม่ก็เพาะนิสัยลูกได้ เมื่อลูกเริ่มเติบโตขึ้น ถึงช่วงวัยที่เด็กเริ่มหัดกินข้าวเอง คุณแม่บางคนเอาข้าวใส่จานโดยขยำข้าว และกับข้าวให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว มีทั้งผัก เนื้อ ไข่ ครบบริบูรณ์ตามหลักโภชนาการ อาจจะอร่อยหรือไม่ อร่อยก็ตาม แต่เน้นเรื่องสำคัญคือ ต้องมีสารอาหารครบและพอเหมาะกับอายุของลูก พอคุณแม่ขยำให้กิน นอกจากเด็กเลือกกินไม่ได้แล้ว ยังต้องกินจนหมดด้วย ส่วนลูกของคุณแม่อีกคนหนึ่งไม่เป็นอย่างนั้น อยากจะกินอะไรก็เลือกเอา คุณแม่มีให้กินทุกอย่าง อยากกินหมูก็ได้กินหมู อยากกินไก่ก็ได้กินไก่ อยากกินผักก็ได้กินผัก แม้ในที่สุดไม่อยากกินผัก ชอบกินขนม คุณแม่ก็มีขนมมาให้เลือกกินมากมาย ดังนั้น เมื่อเด็กสองคนนี้โตขึ้นนิสัยและสุขภาพร่างกายจะแตกต่างกัน สังเกตได้จากเด็กที่ชอบกินเนื้อ ไม่ชอบกินผัก จะขาดสารอาหารจากผัก และเด็กที่ชอบกินผักไม่ชอบกินเนื้อก็จะขาดสารอาหารจากเนื้อ ทำให้โตไม่เต็มส่วน ส่วนเด็กที่ไม่ชอบกินผักไม่ชอบกินเนื้อ ไม่ชอบกินหมู ไม่ชอบกินไข่ กินแต่ขนม เท่ากับ คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยน้ำตาล ลูกจะไม่โต ถึงแม้คุณพ่อคุณแม่จะร่ำรวย แต่ลูกจะดูไม่แข็งแรง เพราะว่าเด็ก กินอาหารไม่ครบหลักโภชนาการ เพราะฉะนั้นถึงแม้เกิดเป็นลูกคนรวย มีของกินมาก แต่คุณพ่อคุณแม่ ให้กินไม่ครบ ก็อาจเป็นโรคขาดสารอาหารได้ ขณะที่ลูกของคุณแม่อีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เป็นคนร่ำรวย ทำให้คุณแม่ต้องขยำข้าวให้กินโดย เน้นหลักโภชนาการไว้ก่อน เมื่อเด็กเลือกกินไม่ได้ เด็กจะตัวโต โตได้เต็มสัดส่วนกับอายุของเด็ก ถ้าเราดูในแง่นิสัยจากการกินของเด็กสองคนนี้ จะพบว่าเด็กที่คุณแม่ต้องขยำให้กินโดยเน้น ถูกหลักโภชนาการ ไม่ตามใจลูก ผลที่ได้คือคุณแม่เพาะนิสัยกินง่าย อยู่ง่าย ไม่เจ้าอารมณ์ ให้แก่ลูก ส่วนเด็กที่อยากจะกินอะไร คุณพ่อคุณแม่ก็มีให้กินทุกอย่าง โดยไม่เน้นหลักโภชนาการ ผลที่เกิด คือคุณแม่เพาะนิสัยเอาแต่ใจตัว เป็นคนเจ้าอารมณ์ ให้แก่ลูก นอกจากนี้ การเพาะนิสัยเกรงใจหรือไม่เกรงใจคนอื่นของเด็กนั้น เพาะขึ้นมาได้จากการที่ตั้งแต่ เล็กคุณแม่ปล่อยให้เด็กเคี้ยวอาหารเสียงดัง เด็กคนนี้จะไม่รู้จักเกรงใจใคร ส่วนเด็กอีกคน เมื่อเด็กเคี้ยว อาหารเสียงดัง คุณแม่จะสอนทันที เด็กคนนี้จะรู้จักเกรงใจคนอื่น 20 DOU วั ฒ น ธ ร ร ม ช า ว พุ ท ธ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More