การกรวดน้ำและการรับพรพระ SB 202 วัฒนธรรมชาวพุทธ หน้า 132
หน้าที่ 132 / 169

สรุปเนื้อหา

การกรวดน้ำเป็นการอุทิศส่วนกุศลที่ส่งไปให้บุรพชนและสรรพสัตว์ โดยรินน้ำหลั่งเป็นเครื่องหมายแห่งเมตตา สำหรับการรับพรพระเป็นการรับความปรารถนาดีจากพระภิกษุ เมื่อได้รับพรนั้นจะนำไปสู่ความเจริญ โดยการกรวดน้ำมีมาตั้งแต่อดีตกาลในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระราชบุตรทั้งสามของพระเจ้าชัยเสนได้ถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้า แม้ว่าจะมีความไม่เรียบร้อยในการช่วยเหลือ ในที่สุด ราชบุตรและผู้ที่มีศรัทธาต่างก็ไปสู่สุคติภูมิ ในขณะที่ผู้ที่ทำผิดกลับต้องรอคอยส่วนบุญจากญาติๆ ไม่มีวี่แววว่าจะได้รับ ในทางพุทธศาสนา การกรวดน้ำจึงเป็นวิธีการสำคัญในการทำบุญเพื่อเสริมสร้างกุศลและแสดงความกตัญญูต่อผู้ล่วงลับ

หัวข้อประเด็น

-การกรวดน้ำ
-การรับพรพระ
-อุทิศส่วนกุศล
-ประวัติการกรวดน้ำ
-บทบาทของศรัทธา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

6.3 การกรวดน้ำและการรับพรพระ การกรวดน้ำในงานบุญ เป็นการอุทิศแผ่ส่วนกุศลที่ตนบำเพ็ญแล้วนั้นส่งไปให้แก่บุรพชนตลอดจน สรรพสัตว์ และตั้งจิตอธิษฐานเพื่อความดีต่อไปหรืออธิษฐานในสิ่งประสงค์ที่ดีงามให้สำเร็จตามความปรารถนา การกรวดน้ำ คือ การรินน้ำหลั่งลงให้เป็นสาย อันเป็นเครื่องหมายแห่งสายน้ำใจอันบริสุทธิ์ ตั้งใจ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ตนได้ทำมาในวันนั้นให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ถ้าผู้ล่วงลับนั้นเป็นผู้มีอาวุโสน้อยกว่า เช่น เป็นบุตร ธิดา เป็นน้อง หรือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ชื่อว่าได้แผ่เมตตากรุณาธรรมของตนไปสู่ผู้ล่วงลับเหล่านั้น ถ้าผู้ล่วงลับเป็นผู้อาวุโสมากกว่า เช่น เป็นบิดามารดา ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นพี่ เป็นครูอาจารย์ เป็นต้น ก็ชื่อว่าได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อท่านเหล่านั้น การรับพรพระ คือ อาการที่เจ้าภาพนอบน้อมทั้งกายและใจ รับความปรารถนาดี ที่พระภิกษุสงฆ์ ตั้งกัลยาณจิต สวดประสิทธิ์ประสาทให้เจ้าภาพรอดพ้นจากอันตรายภัยพิบัติทั้งหลาย และเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ เป็นต้น ก่อนจะทราบถึงวิธีปฏิบัติในการกรวดน้ำ เราลองมาศึกษาถึงประวัติความเป็นมาของการ กรวดน้ำก่อน การกรวดน้ำมีมาตั้งแต่อดีตกาลครั้งสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนมชีพอยู่ ดังเรื่อง ราวที่ปรากฏในพระไตรปิฎก ใน อรรถกถามงคลสูตร ว่า ในอดีตกาล เมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปุสส ทรงอุบัติขึ้น พระราชบุตร 3 พระองค์ของพระเจ้าชัยเสนแห่งกาสิกนคร มีศรัทธาที่จะถวายภัตตาหารแด่พระปุสสพุทธเจ้า และ พระภิกษุสงฆ์สาวกติดต่อกันหลายวัน จึงประทานทรัพย์เป็นค่าใช้จ่ายเป็นอันมาก และขอความร่วมมือจาก พระประยูรญาติและข้าทาสบริวารคนรับใช้ ทั้งเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงให้ช่วยเหลือในกิจนั้นๆ ด้วย บุคคลเหล่านั้น บางพวกก็เต็มใจช่วยเหลือ จัดทำกิจต่างๆ ด้วยความเต็มใจ ด้วยหวังบุญกุศล แต่บางพวก ถูกความโลภเข้าครอบงำ เห็นเงินทองที่เขาให้นำมาทำอาหารและซื้อของเข้าก็เกิดความโลภอยากได้ จึง ยักยอกเอาไว้ใช้ส่วนตัวเสียบ้าง ทำแต่ของเลวๆ ถวายพระแต่ไปแจ้งว่าซื้อแต่ของดีๆ บ้าง นำอาหารที่ทำ ไว้สำหรับพระไปกินเองเสียบ้าง นำไปให้ลูกหลานตัวเองกินบ้าง ทำให้การเลี้ยงพระคราวนั้นผ่านไปด้วย ความไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร แต่ราชบุตรทั้งสามก็ไม่ว่ากล่าวอย่างไร ตั้งใจเป็นบุญเป็นกุศลแล้ว ใครจะ ยักยอกอย่างไรก็รักษาใจศรัทธาไว้ได้ ไม่ให้ขุ่นมัว บุคคลทั้งหมดนี้เมื่อสิ้นชีวิตไปแล้ว พวกราชบุตรและผู้ที่ เต็มใจช่วยเหลือในงานนั้นได้ไปสู่สุคติภูมิ เมื่อจุติจากสุคตินั้นแล้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกในสมัย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันนี้ราชบุตรองค์โตได้มาเป็นพระเจ้าพิมพิสารพระราชาแห่งเมืองราชคฤห์ เมืองหลวงแคว้นมคธ ที่เหลือก็เกิดเป็นพระประยูรญาติ และบริวารประชาชนในเมืองราชคฤห์นั้น ส่วน พวกที่ยักยอกเงินทองทำบุญ และกินของก่อนถวายพระ ครั้นสิ้นชีพแล้วได้ไปเกิดเป็นเปรตรูปร่างต่างๆ มี รูปร่างผ่ายผอม หิวโหยอดอยาก เฝ้ารอคอยส่วนบุญที่ญาติๆ ของตนจะอุทิศไปให้จากโลกนี้ แต่รอคอยมา หลายพุทธันดร ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้รับ บ ท ที่ 6 ศ า ส น พิ ธี DOU 123
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More