การรับประทานอาหารและเสื้อผ้าส่งผลต่อนิสัยของมนุษย์ SB 202 วัฒนธรรมชาวพุทธ หน้า 31
หน้าที่ 31 / 169

สรุปเนื้อหา

บทความนี้สำรวจถึงผลกระทบของการรับประทานอาหารร่วมกันในครอบครัวที่มีต่อความผูกพันและนิสัยของสมาชิกในครอบครัว โดยยกตัวอย่างสถานการณ์การรับประทานอาหารที่ส่งผลให้นิสัยดีเกิดขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ ยังได้พูดถึงการใช้เสื้อผ้าในการฝึกนิสัยของเด็กว่า การดูแลรักษาความสะอาดมีผลต่อพัฒนาการนิสัยอย่างไร โดยยกตัวอย่างการดูแลเด็กสองคนที่ได้รับการฝึกนิสัยที่แตกต่างกันตั้งแต่เล็ก การรับประทานอาหารและการใช้เสื้อผ้าจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนานิสัยของมนุษย์

หัวข้อประเด็น

-ผลกระทบของการรับประทานอาหาร
-ความสำคัญของการรับประทานอาหารร่วมกัน
-การส่งเสริมความรับผิดชอบผ่านการใช้เสื้อผ้า
-นิสัยของมนุษย์และครอบครัว

ข้อความต้นฉบับในหน้า

นอกจากนี้การรับประทานอาหารพร้อมกันทั้งครอบครัวจะทำให้สมาชิกในครอบครัวรักกันเป็น ห่วงเป็นใยซึ่งกันและกัน เมื่อโตขึ้นอาจจะต่างคนต่างอยู่แต่จะมีความผูกพันกัน เวลามีเรื่องเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือพี่น้องครอบครัวนี้จะยื่นมือเข้ามาช่วยกันอย่างเต็มที่ เนื่องจากถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เช่น เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร พ่อ แม่ ลูก นั่งล้อมวงกันเตรียมรับประทานอาหาร แต่ลูกยังมาไม่ครบ พ่อให้ไปตามมาให้ครบ ยังไม่ทาน รอให้ไปตามจนกว่าจะครบ เมื่อเด็กๆ ไปตามพี่น้องกลับมาบอกว่าติด งานยังทำไม่เสร็จ ผู้เป็นพ่อถามว่าอีกนานหรือเปล่า ลูกชายตอบว่าประมาณ 1 ชั่วโมง พ่อบอกว่าถ้าเช่น นั้นให้ไปช่วยกันทำงานให้เสร็จแล้วมากินข้าวพร้อมกัน ตัวอย่างนี้เมื่อลูกโตขึ้นจะรักกัน นี่คือสิ่งที่ปลูกฝังให้ เป็นนิสัยขึ้นมา ต่างกันกับครอบครัวที่รับประทานอาหารไม่พร้อมกัน ต่างคนต่างกิน เมื่อต่างคนต่างกิน ฉะนั้น นิสัยที่เกิดขึ้นก็คือ ต่างคนต่างไป ไม่มีความผูกพันกัน ไม่ห่วงใยกัน เมื่อมีเรื่องเดือดร้อนก็ต่างคนต่างอยู่ บางครั้งยังทะเลาะกันเองระหว่างพี่น้องนิสัยเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะถูกปล่อยมาตั้งแต่เรื่องการรับประทานอาหาร จะเห็นได้ว่าความพร้อมเพรียง ก็เป็นนิสัยที่ถูกปลูกฝังขึ้นมาจากการรับประทานอาหารเช่นกัน หรือบางคนทานเพื่อความสวย หรือความหล่อ นิสัยเหล่านี้ก็เกิดจากวงอาหารเช่นกัน เพราะฉะนั้น นิสัยดีหรือไม่ดีในตัวมนุษย์ล้วนเกิดมาจากการรับประทานอาหาร หรือจากวงข้าว เมื่อจะแก้ไขปรับปรุงนิสัยของมนุษย์ก็ต้องเริ่มปรับตั้งแต่เรื่องการรับประทานอาหารเป็นต้นไป 2.3.2 เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มกับการเพาะนิสัย การใช้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ก็เป็นการฝึกนิสัยให้กับมนุษย์ทุกคนได้เช่นเดียวกัน โดยเริ่มตั้งแต่ เด็กทารกที่ยังนอนอยู่บนเบาะ พอถึงเวลาขับถ่าย เด็กคนหนึ่งเมื่อขับถ่ายแล้ว คุณแม่รีบมาล้าง เช็ด ทำความสะอาดอย่างดี เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ รีบซักทันที ส่วนเด็กอีกคนเมื่อขับถ่ายแล้ว คุณแม่มักจะปล่อย ทิ้งนอนแช่อยู่อย่างนั้น จะด้วยคุณแม่ติดธุระหรือด้วยเหตุใดก็ตาม กว่าจะมาล้างทำความสะอาดให้เด็ก เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ อุจจาระและปัสสาวะที่เด็กปล่อยออกมาแห้งติดก้นเด็กแล้ว เมื่อโตขึ้นเด็กสองคนนี้จะมีนิสัยต่างกันอย่างไร? เด็กคนแรกจะเป็นคนรักความสะอาด ในขณะที่ เด็กคนหลังจะมีนิสัยหมักหมม เพาะกลิ่นตัว หรือการทำงานคนแรกจะทำงานเรียบร้อย สะอาด เก็บของ เป็นระเบียบสวยงาม คนหลังจะทำงานเพียงแค่ให้ผ่านไปที ไม่เรียบร้อย เมื่อโตขึ้นมาพอช่วยงานบ้านได้แล้ว ระหว่างเด็กคนหนึ่งเมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว ไม่ต้องซักผ้าเอง มีคนรับใช้คอยซักให้ หรือแม่เป็นคนซักเสียเอง กับอีกคนหนึ่ง พอลูกอยู่อนุบาลสอนให้ลูกซักผ้าตั้งแต่เล็ก โดยเริ่มจากการซักผ้าเช็ดหน้าของตัวเองก่อน พอโตขึ้นมาอีกนิดให้ซักถุงเท้า ให้ซักเสื้อ กระโปรง กางเกง เป็นลำดับจากง่ายไปยาก การที่เด็กคนแรกไม่ซักผ้ากับเด็กคนหลังได้รับการฝึกให้ซักผ้ามาตั้งแต่เล็ก นิสัยมีความรับผิดชอบแตกต่างกัน 22 DOU วั ฒ น ธ ร ร ม ช า ว พุ ท ธ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More