การใช้น้ำมนต์ในงานมงคลและประวัติความสำคัญ SB 202 วัฒนธรรมชาวพุทธ หน้า 127
หน้าที่ 127 / 169

สรุปเนื้อหา

น้ำมนต์ถือเป็นสิ่งมงคลในงานพิธี โดยเฉพาะเมื่อได้รับพรจากพระสงฆ์ จะมีการใช้น้ำมนต์เพื่อเสริมสิริมงคลให้แก่เจ้าภาพและผู้ที่มาร่วมงาน ซึ่งมีประวัติที่เชื่อมโยงกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในสมัยที่ท่านได้เสด็จเยี่ยมเมืองเวสาลีเพื่อบรรเทาความทุกข์ภัยของประชาชนที่อยู่ในเมือง โดยน้ำฝนที่ตกลงมาและน้ำพระพุทธมนต์ที่ถูกปะพรมนั้นได้นำไปสู่การหมดสิ้นของภัยพิบัติและความทุกข์ยากในเมือง เมื่อประเพณีนี้ยังคงดำรงอยู่ในปัจจุบัน ถือเป็นการยืนยันถึงความผูกพันระหว่างชุมชนพุทธศาสนากับการประนีประนอมในประเพณีที่ดีงาม เชื่อว่าเป็นการปัดเป่าสิ่งไม่ดีและนำความสุขมาให้กับผู้คน.

หัวข้อประเด็น

-น้ำมนต์ในงานมงคล
-ประวัติประเพณีการใช้น้ำมนต์
-บทบาทของพระพุทธเจ้าในเหตุการณ์
-ความสำคัญของการประเคนแก่พระสงฆ์
-ผลกระทบของการประพรมน้ำมนต์ต่อชุมชน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

อีกอย่างหนึ่งที่ต้องมีเวลางานมงคลคือน้ำมนต์ซึ่งถือว่าเป็นมงคลดังนั้นเมื่อรับพรจากพระภิกษุสงฆ์ แล้ว จึงนิยมมีการพรมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลแก่เจ้าภาพและผู้มาร่วมงาน เนื่องจากเป็นการขับไล่สิ่งไม่ ดีออกไป โดยถือคติตามในพระไตรปิฎกที่กล่าวถึงประวัติของน้ำมนต์ดังจะกล่าวต่อไปนี้ ในสมัยที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระนครราชคฤห์ ขณะนั้นที่เมืองเวสาลี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นวัชชี เกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ฝนแล้ง ข้าวกล้าเสียหายเหลือคณานับ ผู้คนจึงอดอยากล้มตายลงเป็นอันมาก ที่เหลือก็นำศพเหล่านั้นไปทิ้งนอกเมืองเพราะเผาหรือฝังไม่ไหว นอกเมืองจึงเหม็นคลุ้งด้วยซากศพ ฝูงนกกาและสุนัขก็มาลากกินศพเหล่านั้น แล้วลงกินน้ำในแม่น้ำ ทำให้ อหิวาตกโรคระบาดซ้ำอีก ผู้คนยิ่งล้มตายเป็นทวีคูณ พวกอมนุษย์และภูตผีปีศาจทั้งหลายก็พากันเข้าเมือง ก่อความเดือดร้อนให้ชาวเมืองทั้งกลางวันกลางคืน ชาวเมืองจึงพากันทูลให้เจ้าผู้ครองนคร คือเจ้าลิจฉวีทั้งหลายนิมนต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาประทับที่เมืองเวสาลีบ้าง ภัยทั้งหลายจะสงบเอง เจ้าลิจฉวีทั้งหลายก็เห็นพ้องด้วย จึงนิมนต์พระสัมมา สัมพุทธเจ้าเสด็จมาเมืองเวสาลี โดยผ่านทางพระเจ้าพิมพิสารกษัตริย์เมืองราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสารจึง ทูลนิมนต์พระพุทธองค์ตามนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์แล้วเสด็จไปเมืองเวสาลีพร้อมด้วย พระภิกษุสงฆ์เป็นอันมาก โดยเสด็จทางเรือที่พระเจ้าพิมพิสาร และเจ้าลิจฉวีทั้งหลายถวายความสะดวก ฝ่ายละครึ่งทาง เมื่อเรือเทียบท่าแล้ว พระพุทธองค์เสด็จด้วยพระบาทเปล่าเข้าแคว้นวัชชีต่อไป พอ พระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์เข้าเขตแคว้นวัชชีเท่านั้น ได้เกิดฝนตกลงมาห่าใหญ่ น้ำฝนได้ไหลพัดพาเอา ซากศพ และสิ่งปฏิกูลทั้งหลายลงแม่น้ำคงคาจนหมด ถนนหนทางก็สะอาดสะอ้านขึ้นเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก และเมื่อเสด็จถึงประตูเมืองเวสาลี ทรงรับสั่งให้พระอานนท์เรียนเอาพระพุทธมนต์ชื่อ “รตนสูตร” แล้วเดินสวดพระปริตรนั้นรอบกำแพงเมืองทุกด้าน พระอานนท์ก็ทำตามพุทธบัญชา ถือบาตรของ พระพุทธองค์ที่บรรจุน้ำพระพุทธมนต์ไว้แล้ว เดินปะพรมน้ำพระพุทธมนต์พลาง สวดพระปริตร รัตนสูตร จนรอบพระนคร บรรดาอมนุษย์และภูตผีทั้งหลายพอถูกน้ำพระพุทธมนต์เข้าก็พากันกลัว หนีไปสิ้น โรคภัย ไข้เจ็บต่างๆ ก็พลอยหมดสิ้นไปด้วย เมื่อปะพรมน้ำพระพุทธมนต์แล้วพระอานนท์ก็กลับมาเฝ้าพระผู้มี พระภาคเจ้าต่อไป เมืองเวสาลีก็ปลอดภัยจากความพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้น ชาวเมืองก็อยู่เย็นเป็นสุข ทำมา หากินได้สะดวกเหมือนเดิม ด้วยประการฉะนี้ ดังนั้นจึงได้ถือปฏิบัติต่อกันมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ประเพณี การปะพรมน้ำมนต์ก็ยังอยู่คู่กับชาวพุทธตลอดมา 6.2 การประเคนของแด่พระภิกษุสงฆ์ การประเคน หมายถึง การมอบให้ด้วยความเคารพ ใช้ปฏิบัติต่อพระภิกษุสงฆ์เท่านั้น มีวินัย บัญญัติห้ามพระภิกษุสงฆ์รับ หรือหยิบสิ่งของมาขบฉันเอง โดยไม่มีผู้ประเคนให้ถูกต้องเสียก่อน เพื่อตัด อรรถกถารตนสูตร, ขุททกนิกาย สุตตนิบาต, มก. เล่ม 47 หน้า 7 118 DOU วั ฒ น ธ ร ร ม ช า ว พุ ท ธ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More