ข้อความต้นฉบับในหน้า
6.5 พิธีกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
พิธีวิสาขบูชา
ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ประชาชนจะพากันทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนาตอนเช้า ครั้นตอนย่ำค่ำ ต่างพากันนำดอกไม้ ธูป เทียน
เครื่องสักการะไปพร้อมกันที่วัด เพื่อเวียนเทียน โดยยืนเบื้องหน้าพระพุทธปฏิมากร กล่าวคำบูชา และ
เดินเวียนเทียน ทำวัตรสวดมนต์ และฟังพระธรรมเทศนาต่อไปจนเสร็จพิธี
พิธีเข้าพรรษา และพิธีออกพรรษา
ปฐมเหตุที่จะมีประเพณีเข้าพรรษาในพระพุทธศาสนานั้น ปรารภเหตุจาก สมัยหนึ่งพระพุทธองค์
ประทับอยู่ ณ กรุงราชคฤห์ ในขณะนั้นยังไม่มีการอนุญาตเรื่องจำพรรษา พระภิกษุสงฆ์จึงเที่ยวจาริกไป
ตลอดทุกฤดูกาล แม้แต่ในฤดูฝนก็ยังเที่ยวสัญจรไปมาทำให้ไปเหยียบย่ำข้าวกล้าในนาของชาวเมืองจนเสียหาย
ประชาชนพากันติเตียน พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติเป็นธรรมเนียมให้พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่จำพรรษา 3 เดือน
นับตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 8 จนถึงกลางเดือน 11 ห้ามมิให้ไปพักค้าง ณ ที่อื่น ยกเว้นมีเหตุจำเป็น
วันเข้าพรรษา
ถือกันว่าเป็นวันพิเศษในพระพุทธศาสนา พุทธศาสนิกชนขะมักเขม้นในการบุญกุศลยิ่งกว่าธรรมดา
บางคนรักษาศีลอุโบสถตลอด 3 เดือน (ไตรมาส) บางคนไปวัดฟังเทศน์ทั้ง 3 เดือน บางคนตั้งใจงดเว้น
บาปทั้งปวง
ส่วนพระภิกษุสงฆ์ เมื่อใกล้ถึงวันเข้าพรรษา ก็ปัดกวาดเสนาสนะ ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป
ในวันเข้าพรรษา จะประชุมกันในพระอุโบสถ ไหว้พระ สวดมนต์ ทำพิธีเข้าพรรษา (อธิษฐานพรรษา) แล้ว
ขอขมาต่อกันและกัน ครั้นในวันถัดไปก็เอาดอกไม้ ธูป เทียน ไปขอขมาพระเถรานุเถระต่างวัดซึ่งเป็นที่
เคารพนับถือ
วันออกพรรษา
พระภิกษุสงฆ์จะทำการปวารณาแทนการทำอุโบสถ คือ เปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้
และเมื่อออกพรรษาแล้วพระภิกษุสงฆ์จะไปค้างแรมที่ใดๆ ก็ได้ตามพุทธานุญาต สำหรับพุทธศาสนิกชนเมื่อ
ถึงวันออกพรรษาต่างพากันไปทำบุญตักบาตร รักษาศีล เจริญภาวนา ฟังเทศน์ตามวัดวาอารามต่างๆ
วัสสุปนายิกขันธกะ, พระวินัยปิฎก มหาวรรค, มก. เล่ม 6 ข้อ 205-206 หน้า 511-512
132 DOU วั ฒ น ธ ร ร ม ช า ว พุ ท ธ