ข้อความต้นฉบับในหน้า
ตติยสังคายนาที่เมืองปาฏลีบุตร เมื่อพระพุทธศาสนาเจริญแพร่หลายมีพระภิกษุสงฆ์จำนวนมากนำ
พระพุทธศาสนาออกประดิษฐานในประเทศต่างๆ ซึ่งการแพร่หลายพระพุทธศาสนาครั้งนั้นจำเป็นที่จะต้อง
ได้พระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นพุทธศาสนูปถัมภกในประเทศนั้น อุดหนุนเกื้อกูลแก่การปกครองคณะสงฆ์มากยิ่งขึ้น
จึงทำให้การปกครองของคณะสงฆ์ต้องเกี่ยวข้องกับงานราชการแผ่นดินด้วย ตั้งแต่การวางแบบแผน
ปกครองคณะสงฆ์ซึ่งโดยทั่วไปมีลักษณะคล้ายระเบียบการปกครองของทางราชการ ดังนั้นจึงมีการจัดตั้ง
สังฆนายกให้สมณศักดิ์ต่างๆ ก็เพื่อให้มีระเบียบในการปกครองว่ากล่าวสังฆบริษัทตามลำดับขั้น และเมื่อมี
การตั้งสมณศักดิ์ก็มักจะมีราชทินนามควบไปด้วย
สมณศักดิ์และราชทินนามในประเทศไทยนั้นได้มีการใช้มานานตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบันนี้
โดยแบ่งออกได้ดังนี้
1) สมเด็จพระสังฆราช
2) สมเด็จพระราชาคณะ
3) พระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรอง (รองจากชั้นสมเด็จพระราชาคณะ)
4) พระราชาคณะชั้นธรรม
5) พระราชาคณะชั้นเทพ
6) พระราชาคณะชั้นราช
7) พระราชาคณะชั้นสามัญ
8) รองพระราชาคณะชั้นพระครู และฐานานุกรม
เมื่อมีการแบ่งสมณศักดิ์และราชทินนามแล้วเพื่อให้ความเคารพต่อท่าน เราจึงควรศึกษาการใช้คำ
พูดกับท่านให้ถูกต้องเพื่อแสดงความเคารพในตัวพระเถรานุเถระและให้ความเคารพต่อพระมหากษัตริย์
ผู้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา เพราะสมณศักดิ์นั้นได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น
1. การใช้คำทูลสมเด็จพระสังฆราช ถือหลักการใช้ราชาศัพท์ ฐานันดรศักดิ์ชั้นพระองค์เจ้า เช่น
ค่ารับค่าตอบ
ค่าแทนตัว
ค่าเรียกขาน
สมเด็จพระสังฆราช
ฝ่าพระบาท
ชาย
เกล้ากระหม่อม กระหม่อมฉัน
หญิง
ชาย
หญิง
พะย่ะค่ะ
เพคะ
ฝ่าบาท
กระหม่อม
หม่อมฉัน
กระหม่อม
หน้า 19
ณัฏฐภัทร จันทวิช, ตาลปัตรพัดยศ ศิลปะบนศาสนวัตถุ, (กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง, 2538),
บ ท ที่
บ า ที่ 5 ม า ร ย า ก ช า ว พุ ท ธ
DOU 89