ข้อความต้นฉบับในหน้า
5.10 มารยาทในการรับประทานอาหาร
การรับประทานอาหารไม่เพียงแต่เพื่อให้อิ่มท้องเท่านั้น หากแต่ยังเป็นเวลาที่สมาชิกในบ้าน ใน
ครอบครัวหรือองค์กร เพื่อนสนิทมิตรสหายได้อยู่พร้อมหน้ากัน จึงมีข้อควรสนใจ ดังนี้
> ในการร่วมรับประทานอาหารกับผู้อื่น ควรรักษาจังหวะและความเร็วในการอิ่มให้พร้อมเพรียง
หรือใกล้เคียงกันกับเพื่อนร่วมโต๊ะ (หรือร่วมวง)
> เวลารับประทานอาหารไม่ควรสร้างความรำคาญและรบกวนผู้อื่น
> ต้องมีมารยาทขณะรับประทานอาหาร
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทเกี่ยวกับการฉันภัตตาหารไว้ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้
ถือปฏิบัติเป็นธรรมเนียมและแบบแผนอันเดียวกัน
เพื่อยังความศรัทธาของผู้ศรัทธาอยู่ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้น
และปลูกฝังศรัทธาของผู้ยังไม่ศรัทธาให้งอกงามขึ้น ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับมารยาทการรับประทานอาหาร
ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
หมวดแห่งการรับบิณฑบาต (การรับอาหาร)
1. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า
การนำไปใช้
2. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า
การนำาไปใช้
3. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า
เราจักรับบิณฑบาตโดยเคารพ
ไม่ควรแสดงอาการรังเกียจในอาหารที่รับมา รับด้วยอาการ
ที่ยินดีเต็มใจไม่ทิ้งๆ ขว้างๆ
เมื่อรับบิณฑบาต เราจักไม่แลดูบาตรของผู้อื่น
ไม่ควรเหลียวซ้ายแลขวาขณะรับอาหาร หรือขณะตักอาหาร
มารับประทาน
เราจักรับแกงพอสมควรแก่ข้าวสุก (ไม่รับกับข้าวมากไป)
ไม่ควรตักแต่กับข้าวที่ตนเองชอบโดยไม่เปิดโอกาสให้เพื่อนร่วม
1
หน้า 21
การนำไปใช้
วงได้ตักอาหารเลย
4. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า
การนำไปใช้
เรามักรับบิณฑบาตพอเสมอขอบปากบาตร
ไม่ควรตักอาหารใส่จานตนเองจนล้นหกเลอะเทอะ ควรตัก
แต่พอประมาณ
แสวง อุดมศรี, พระวินัยปิฎก 1 ว่าด้วยมหาวิภังค์หรือภิกขุวิภังค์, (กรุงเทพฯ : ประยูรวงศ์พริ้นท์ติ้ง, 2546),
* พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์, มก. เล่ม 4 หน้า 901-902
บ า ที่ 5 ม า ร ย า ก ช า ว พุ ท ธ DOU 99