ข้อความต้นฉบับในหน้า
ชั่วโมงไปก่อน ยกเว้นเรื่องด่วนจริงๆ จะต้องเตือนกันทันที ก็ให้รักษามารยาทให้ดี ไม่อย่างนั้นความเป็น
เพื่อนอาจขาดกันทีเดียว ดังนั้นต้องมีความระมัดระวังเรื่องการใช้วาจา หากมีปิยวาจาแล้ว กำลังใจที่
หมดไปก็จะฟูกลับขึ้นมาเอง
ประการที่ 3 ขาดกำลัง
ในตัวของแต่ละคนนั้น มีขุมกำลังอยู่หลายขุม ประกอบด้วย
1. กำลังกาย
2. กําลังความคิด
3. กําลังความสามารถ
4. กำลังญาติ พรรคพวกเพื่อนฝูง
5. กำลังความดีที่มีอยู่ในอดีต (เช่น เคยช่วยเหลือเจือจุนใครไว้บ้าง)
แต่ละคนจะมีขุมกำลังอยู่ในตัวคนละหลายขุมบรรพบุรุษของเราสอนไว้ว่า จะเป็นกำลังอะไรก็ตาม
หากต้องใช้แล้ว.... ล้วนเหนื่อยทั้งสิ้น คิดก็เหนื่อย แม้ไม่ต้องแบกหามก็เหนื่อย เพราะกว่าจะคิดแก้ปัญหา
ได้แต่ละเรื่อง บางครั้งนอนไม่หลับเป็นเดือน ทุกเรื่องหากต้องใช้กำลังเมื่อไรล้วนเหนื่อยทั้งสิ้น บรรพบุรุษ
ของเราจึงให้ข้อคิดไว้ว่า ธรรมชาติของคนเราเหงื่อต้องออก คือ ถ้าใช้กำลังเมื่อไรเหงื่อต้องออก
มีกำลังกาย...ก็ไม่อยากจะช่วยใคร
มีกำลังความรู้...ก็เก็บเงียบ หวงวิชา
มีกำลังความสามารถ...ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่
มีกำลังญาติ พวกพ้อง....ก็ไม่ค่อยเอามาช่วยใคร
คนประเภทนี้จัดเป็นประเภทเหงื่อหลบใน กลัวจะเหนื่อย ไม่ช่วยใคร ใจคับแคบ ถึงคราวตัวเองเดือด
ร้อนบ้าง จึงไม่มีใครเขาใจกว้างด้วย เพราะฉะนั้นในการอยู่ร่วมกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า
1. ให้หมั่นปรับปรุง พัฒนาความรู้ ความสามารถของตนให้ยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา เป็นการ เพิ่ม
พลังเก็บเอาไว้ในตัว
2. ใจกว้าง พร้อมที่จะนำพลังเหล่านั้นเอามาช่วยทุกๆ คนที่เขาเดือดร้อน เปิดใจให้กว้างเอาไว้ก่อน
148 DOU วั ฒ น ธ ร ร ม ช า ว พุ ท ธ