การรักษาศีลและวิรัติในพระพุทธศาสนา ศีล เป็นที่ตั้งแห่งความดีงาม หน้า 27
หน้าที่ 27 / 205

สรุปเนื้อหา

ศีลเป็นธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์ แต่การเป็นผู้รักษาศีลนั้นต้องมีเจตนา โดยเฉพาะความตั้งใจงดเว้นจากความชั่ว ผู้ที่ไม่ได้ทำชั่วเพราะไม่มีโอกาสไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นผู้รักษาศีล โดยวิรัติจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สมาทานวิรัติ, สัมปัตตะวิรัติ, และสมุจเฉทวิรัติ ซึ่งหมายถึงการตั้งใจงดเว้นจากบาปเมื่อได้สมาทานศีลแล้ว ในกรณีที่มีเหตุการณ์ที่อาจทำให้ละเมิดศีล แต่อุบาสกผู้หนึ่งก็ยืนหยัดต่อความตั้งใจของตน

หัวข้อประเด็น

-ความหมายของศีล
-ความสำคัญของเจตนา
-การแบ่งประเภทของวิรัติ
-สมาทานวิรัติ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

27 วิรัติ พระมหาสุวิทย์ วิชเชสโก ป.ธ.๙ แม้ว่าศีลจะเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติของมนุษย์ ก็ตาม แต่การจะได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาศีลนั้น ย่อมมิใช่เพียง แค่การที่ไม่ทําความชั่วเท่านั้น เพราะบางคนที่ยังไม่ทําความ ชั่ว อาจเป็นเพราะยังไม่มีโอกาสที่จะทำ เช่น นักโทษที่ถูก กักขังไว้ ไม่มีโอกาสไปเบียดเบียนใคร ย่อมไม่อาจบอกได้ ว่าเขาเป็นผู้รักษาศีล เพราะศีลนั้นสําคัญที่เจตนา การจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ รักษาศีล จึงต้องเริ่มต้นที่ความตั้งใจ และ “ความตั้งใจงด เว้นจากความชั่ว” นี่เองคือความหมายของคำว่า เวรมณี หรือ วิรัติ วิรัติ จึงเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงการมีศีล บุคคลใดก็ตามจะ ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีศีล รักษาศีล ก็ต่อเมื่อมีวิรัติ อย่างหนึ่งอย่าง ใดดังต่อไปนี้ ๑. สมาทานวิรัติ ๒. สัมปัตตะวิรัติ ๓. สมุจเฉทวิรัติ ๑. สมาทานวิรัติ คือความตั้งใจงดเว้นจากบาป เพราะได้สมาทานศีลไว้แล้ว หมายความว่าเราได้ตั้งใจไว้ก่อน ว่าจะรักษาศีล ครั้นไปพบเหตุการณ์ที่ชวนให้ล่วงละเมิดศีล ก็ไม่ยอมให้ศีลขาด ดังสมาทานวิรัติของอุบาสกผู้หนึ่ง
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More