ข้อความต้นฉบับในหน้า
179
พระมหาสุวิทย์ วิชเชสโก ป.ธ.๙
ศีลกับปัญญาเป็นยอดในโลก
(โสณทัณฑสูตร ๙/๑๗๔-๑๙๔ ความย่อ)
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าจาริกไปยังแคว้นอังคะ พร้อมด้วยภิกษุ
สงฆ์หมู่ใหญ่ ทรงแวะพัก ณ เมืองจัมปา โดยประทับอยู่ที่ริมฝั่งสระน้ำ
คัคครา
ครั้งนั้น พราหมณ์โสณทัณฑะ ผู้ครองนครจัมปา ได้เข้าไปเฝ้าถึง
ที่ประทับ ขณะที่ไปเฝ้านั้น โสณทัณฑพราหมณ์เกิดความปริวิตกว่า ตน
จะถามปัญหาหรือตอบปัญหาของพระพุทธองค์ได้ไม่ดีพอ ครั้นจะกลับ
เสีย ก็จะถูกหาว่าเป็นคนโง่ จึงเกิดความกลัวไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้
พระพุทธองค์ เพราะเกรงว่าความผิดพลาดของตนจะทำให้บริษัทไม่
เชื่อถือ เป็นเหตุให้เสื่อมยศ เสื่อมทรัพย์
พระผู้มีพระภาคทรงรู้วาระจิตของพราหมณ์ จึงทรงเลือกถาม
ปัญหาที่โสณทัณฑพราหมณ์เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ คือ ปัญหาในไตรเพท
ซึ่งทำให้โสณทัณฑพราหมณ์ดีใจมาก พระพุทธองค์ตรัสถามว่า ผู้ประกอบ
ด้วยคุณสมบัติอย่างจึงบัญญัติว่าเป็นพราหมณ์ได้ และควรเรียกตัว
เองได้ว่าเป็นพราหมณ์
โสณทัณฑพราหมณ์จึงกราบทูลว่า ผู้ที่จะเป็นพราหมณ์ได้ต้องมี
คุณสมบัติ ๕ อย่าง คือ ๑. มีชาติกำเนิดดี คือ เกิดจากมารดาบิดาเป็น
พราหมณ์ สืบสายมา ๗ ชั่วบรรพบุรุษ ๒. ท่องจำมนต์ในพระเวทได้
๓. มีผิวพรรณงาม ๔. มีศีล ๕. มีปัญญา
เมื่อตรัสถามว่าใน ๕ อย่างนี้ ถ้าลดลงเสีย ๑ เหลือ ๔ พอจะกำหนด
คุณสมบัติของผู้ควรเป็นพราหมณ์ได้หรือไม่ โสณทัณฑพราหมณ์กราบ
ทูลว่าได้ โดยตัดข้อที่ว่า มีผิวพรรณดีออก