ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๑ - อธิบายบาลีไวยากรณ์ นามและอัพยยศัพท์ - หน้าที่ 24
วจนะในวิภัตติทั้ง ๓ หมวด เช่น เสหิ แปลว่า ของตน ได้ในคาถา
ธรรมบทว่า เสหิ กมฺเมหิ ทุมเมโธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปปติ คนมี
ปัญญาทรามย่อมเดือดร้อน ดุจถูกไฟไหม้ เพราะกรรมของตน ดังนี้
แปลงเป็น สก ก็มี เมื่อแปลงแล้วแจกตามแบบ อ การันต์ในปุ๋ลิงค์
ใช้ได้ทั้งสองวจนะด้วย สก ที่แปลงมาจาก สย์ มีที่ใช้มากกว่า ส.
อตฺต ศัพท์นี้มีอยู่ตามลำพัง ต้องแจกอย่างศัพท์พิเศษดังปรากฏในแบบ
เมื่อเข้าสมาสกับศัพท์อื่นแล้วต้องแจกตามแบบ อ การันต์ในปุลิงค์
โดยมาก.
อตฺต ส สก ทั้งสามนี้แปลว่าตนเหมือนกัน แต่นำไปใช้ในที่
ต่างกันกว้างแคบกว่ากัน อตฺต โดยมากใช้เป็นบทนามนาม คือเพียง
เป็นบทประธานเท่านั้น ถึงคราวใช้เป็น วิกติกตฺตา ก็ใช้อย่างนามนาม
ไม่มีผิดอะไร ส่วน ส หรือ สก นั้น โดยมากใช้เป็นบทคุณ เพื่อ
แสดงลักษณะของนามไว้ราบรัดเข้า คือแสดงว่า ของสิ่งนั้นต้องเป็น
ของตนจริง ๆ เมื่อแสดงลักษณะของนามนามบทใด ก็ต้องลิงค์ วจนะ
วิภัตติ เสมอกันกับนามผู้เป็นเจ้าของทุกแห่งไป
อตฺต เมื่อติดต่อศัพท์อื่น ท่านให้แปลง ๆ ที่สุดศัพท์เป็น ร
สำเร็จรูป อตฺร เช่น อตุรโช แปลว่า อันว่าบุตรเกิดในตน หรือ
อรช์ เกิดในตน ทั้งนี้ปรากฏอยู่ในคาถาธรรมบท ภาค ๖ หน้า ๑๕
ว่า อตฺตนา หิ กติ ปาป์ อรช์ อตฺตสมุภว์, อภิมาภูติ ทุมเมย์,
วชิร์ วมุหย์ มณี, ดังนี้เป็นหลักอ้าง