ข้อความต้นฉบับในหน้า
อาฆาต ย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยคิดว่าผู้นี้ได้ทำความเจริญ ฯลฯ กำลังทำ
ความเจริญ ฯลฯ จักทำความเจริญแก่คนผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบพอของเรา
หรืออาฆาตย่อมเกิดขึ้นได้ในฐานะอันใช่เหตุ
จิตอาฆาต ความขัดเคือง ความกระทบกระทั่ง ความแค้น ความเคือง
ความขุ่นเคือง ความพลุ่งพล่าน โทสะ ความคิดประทุษร้าย ความมุ่งคิด
ประทุษร้าย ความขุ่นจิต ธรรมชาติที่ประทุษร้ายใจ
โกรธ กิริยาที่โกรธ ความโกรธมีลักษณะเช่นว่านี้ อันใด [และ] การคิด
ประทุษร้าย กิริยาที่คิดประทุษร้าย ความคิดประทุษร้าย การคิดปองร้าย กิริยา
ที่คิดปองร้าย ความคิดปองร้าย ความโกรธ ความแค้น ความดุร้าย ความ
ปากร้าย ความไม่แช่มชื่นแห่งจิต นี้เรียกว่า โทสะ”
ลักษณะของโทสะ คือ การคิดทำลายคนอื่น เช่น คิดจะฆ่าให้เจ็บ คิดจะตีหัวให้แตก
คิดจะเผาบ้าน เป็นต้น โทสะ เป็นอาการของจิตที่ขยายตัวขึ้นมาจากจุดเล็ก ๆ แต่ไม่ได้ระงับ
ความรู้สึกอันนั้น ปล่อยให้มันขยายตัวขึ้น จนกลายเป็นโทสะ ดังภาพต่อไปนี้
อรติ - ปฏิฆะ - โกธะ - โทสะ + พยาบาท
อรติ แปลว่า ความไม่พอใจ ไม่ชอบ ความไม่ชอบ คือ จุดเริ่มต้นของกิเลสสายนี้
ความไม่ชอบ เกิดมาพร้อมกับใจของเราที่มีความอยาก เช่น อยากดู อยากฟัง อยากดม
อยากลิ้ม อยากกิน อยากนอน แล้วเมื่อมันไม่ได้สมกับที่อยาก หรือมีอะไรมาขัด ความไม่พอใจก็
เกิดขึ้น เช่น อยากจะแต่งตัวสวย ๆ แต่พอไปหยิบเสื้อ คนรีดผ้า รีดไม่ดี ทำให้เกิดรอยไหม้
เราก็ไม่พอใจ เป็นต้น
ปฏิฆะ แปลว่า ขัดใจ หมายถึง ความขัดใจ ที่ขัดก็เนื่องจากไม่ชอบ ดังนั้น ปฏิฆะจึง
เกิดจากอรติจิตของเราถ้าเกิดขัดขึ้นมา คิดอ่านอะไรก็ไม่สะดวก คิดไม่โปร่ง จะทำอะไรมันก็ขัดข้อง
ไปหมด เช่น วันนั้นเกิดทะเลาะกับเพื่อนในตอนเช้า วันนั้นเกือบทั้งวัน ไม่เป็นอันทำอะไร
เพราะพอจะทำอะไร จิตก็แวบไปบ้าน ไปตรงที่ขัด ถ้ายังปลดที่ขัดไม่ได้ จิตก็ยังขัดอยู่อย่างนั้น
ปฏิฆะนี้ ทำให้จิตกระวนกระวายมากกว่า อรติ ถ้าเปรียบอรติเหมือนจมูกเราได้กลิ่นเหม็นๆ ทำให้
* อภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี, มก. เล่มที่ 76 ข้อ 691 หน้า 385-386.
บ ท ที่ 2 กิเลส
DOU 31