ข้อความต้นฉบับในหน้า
ความโลภนี้โดยปกติมีลักษณะ คือ ละโมบโลภมาก อยากได้สิ่งของของผู้อื่น มาเป็น
ของตนโดยทางทุจริต มีความหิวจัดทางจิตเป็นลักษณะ ผู้ที่ถูกโลภะครอบงำ แม้จะเป็นคนมั่งมี
อยู่ดีกินดี สมบูรณ์ด้วยปัจจัย 4 และเครื่องอำนวยความสุขทางกายทุกประการ แต่ถ้าจิตยังมี
โลภะอยู่ ก็ยังรู้สึกว่าหิว ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักเต็ม ท่านเปรียบเหมือนไฟไม่รู้จักพอด้วย
เชื้อมหาสมุทรไม่รู้จักเต็มด้วยน้ำฉันใด คนโลภ ไม่รู้จักอิ่ม - พอ - เต็ม ด้วยปัจจัย ฉันนั้น
คนที่มีความอยาก ถ้าไม่เกินขอบเขต จนถึงขึ้นแสวงหาในทางทุจริตก็ไม่ปรากฏว่า
มีโทษกลับเป็นประโยชน์ในการตั้งตัว เขยิบฐานะให้ดีขึ้นโดยลำดับ แต่ถ้าอยากเกินขอบเขต
ก็จะทำให้แสวงหาในทางทุจริต
ความอยากมีหลายระดับ ตั้งแต่ความอยากทั่ว ๆ ไป เช่น ความอยากร่ำรวย ความอยากได้
ดิบได้ ความอยากสอบได้ เป็นต้น ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ยังไม่ถือว่า เป็น โลภะ แต่ความอยากที่เป็น
โลภะ จะต้องเป็นความอยากที่ให้โทษ เปรียบเสมือน มะม่วงที่มีความสุกหลาย ๆ ระดับ ตั้งแต่
สุก ๆ ดิบๆ สุกห่าม สุกทั่ว สุกจัด สุกงอม สุกเละ และสุกจนเน่า โลภะนี้ก็เป็นความอยาก
ในช่วงที่เน่าจนมีหนอนแล้ว เพื่อที่จะทำความรู้จักกับความอยากระดับต่างๆ มากขึ้น จึงแสดง
เป็นแผนภาพ ดังนี้
รติ - อิจฉา → มหิจฉา → ปาปิจฉา - โลภะ → อภิชฌา →
อภิชฌา
วิสมโลภะ
รติ คือ ความชอบใจ เช่น ชอบฟังเสียงเพราะๆ เห็นรูปสวยๆ ดมกลิ่นหอม ๆ ลิ้มรสอร่อย
ได้สัมผัสอ่อนนุ่ม ซึ่งความชอบนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนมีเป็นปกติ
อิจฉา คือ ความอยาก ความต้องการ ความปรารถนา เป็นการอยากในสิ่งที่ตนเองชอบ
เช่น อยากได้รถคันที่ชอบไว้นั่ง อยากได้บ้านหลังที่ชอบไว้อยู่ อยากได้คนที่ชอบไว้เป็นคู่ครอง
ซึ่งความอยากนี้ เป็นอาการทางจิตธรรมดา ไม่ถือว่าเสียหายอะไร
มหิจฉา คือ ความอยากใหญ่ ความมักมาก เช่น รับประทานอาหารวงเดียวกันก็คว้าเอา
กับข้าวอร่อยๆ ไปรับประทานเสียคนเดียว ไม่เกรงใจคนอื่น ไม่รู้จักประมาณ เกิดความเห็นแก่ตัว
1 คณาจารย์โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง, แบบประกอบนักธรรมตรี อธิบายธรรมวิภาค ปริเฉทที่ 1, กรุงเทพฯ :
โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง, หน้า 40.
* พ.อ. ปิ่น มุทุกันต์, พุทธศาสตร์ ภาค 2, กรุงเทพฯ : มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2535, หน้า 232-233.
บ ท ที่ 2 กิเลส
DOU 29