ข้อความต้นฉบับในหน้า
รงเพราะ
แต่การที่เรายังไม่เห็นก็ไม่ได้หมายความว่า ภพภูมิเหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงเห
ความรู้ในทางพระพุทธศาสนาเป็นความรู้ที่อาศัยเครื่องมือคือ ญาณทัสสนะ ที่เกิดจากการ
ปฏิบัติธรรม การรู้เห็นนั้นกว้างใหญ่ เป็นไปตามลำดับ สามารถรู้เห็นได้ละเอียดลึกซึ้งเกินกว่า
สายตาธรรมดา ทั้งยังมีแสงสว่างที่จะทำให้การรู้เห็นนั้นเป็นไปได้อย่างถูกต้องตรงเป็นไปตาม
ความจริง ดังที่กล่าวไว้ในธัมมจักกัปปวัตนสูตร ได้กล่าวถึงการปฏิบัติมัชฌิมาปฏิปทา คือ มรรค
มีองค์ 8 ย่อมทำให้เกิดดวงตาและญาณ เพื่อความรู้อันยวดยิ่ง
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือปฏิปทาสายกลางนั้น ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญา
อันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้
เพื่อนิพพาน
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา....”
แม้ว่าการรู้หรือการเห็นภพภูมิเหล่านั้นจะยังไม่สามารถศึกษาได้ด้วยเครื่องมือและ
วิทยาการในปัจจุบัน แต่การศึกษาในเรื่องจักรวาลและเอกภพในทางกายภาพนั้น ก็ทำให้เรา
สามารถเชื่อมโยงความรู้เหล่านั้นเข้ากับความรู้ในทางพระพุทธศาสนาได้ ดังที่จะได้กล่าวต่อไป
4.3 ลักษณะของภพภูมิในทางพระพุทธศาสนา
การมองเห็นจักรวาลอันกว้างใหญ่หลาย ๆ จักรวาล ในทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวถึง
ในสมัยพุทธกาลคือ พระอนุรุทธะผู้เป็นเลิศทางทิพยจักขุได้ตอบพระสารีบุตรถึงป่าโคสิงคสาลวัน
งามด้วยภิกษุเช่นไร
“ท่านอนุรุทธะ ตอบว่าท่านสารีบุตร ภิกษุในพระศาสนานี้ ย่อมตรวจดูโลกพันหนึ่งด้วย
ทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีจักษุขึ้นปราสาทอันงดงามชั้นบน
จึงแลดูมณฑลแห่งกงตั้งพันได้ ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมตรวจดูโลกพันหนึ่งด้วย
ทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์”
สำหรับจักรวาลหลาย ๆ จักรวาลที่มารวมตัวกัน พระพุทธองค์ตรัสเรียกว่า โลกธาตุ
โดยในจูฬนีสูตร ได้กล่าวถึงลักษณะของจักรวาล 3 อย่าง คือ
1 วินัยปิฎก มหาวรรค, มก. เล่ม 6 หน้า 45-46
* มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์, มก. เล่ม 19 ข้อ 378 หน้า 31.
70 DOU สมาธิ 8 วิ ปั ส ส น า กัมมัฏฐาน