ข้อความต้นฉบับในหน้า
1. สุขเวทนา เป็นความรู้สึกสุข คือ สบายกาย สบายใจ
2. ทุกขเวทนา เป็นความรู้สึกทุกข์ คือ ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
3. อทุกขมสุขเวทนา เป็นความรู้สึกไม่สุขไม่ทุกข์ เฉยๆ
เวทนาเกิดจากการที่มีวัตถุภายนอกมากระทบประสาทสัมผัสทั้ง 5 แล้วส่งไปให้ใจ
ใจรับเอาไว้แล้วจึงเกิดเป็นความรู้สึกขึ้นมา เช่น มีรูปมากระทบ ประสาทตาส่งไปให้ใจ ใจรับเอาไว้
คือ เห็น เมื่อเห็นแล้วก็เกิดความรู้สึกว่า รูปนี้สวย จึงเกิดความสบายใจ หรือไปเห็นสุนัขเน่า
ทั้งตัว จึงไม่สบายใจ เป็นทุกข์ หรือเห็นคนที่หน้าตาธรรมดา จึงเกิดความรู้สึกเฉยๆ
เมื่อมีเสียงมากระทบหู ประสาทหูส่งไปให้ใจ ใจรับเอาไว้ เรียกว่า ได้ยิน เมื่อได้ยินแล้ว
ก็อาจจะสุข เพราะว่าเสียงนั้นเป็นเสียงชม อาจจะทุกข์ เพราะว่าเป็นคำนินทา อาจจะเฉย ๆ
เพราะว่าไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร
เมื่อมีกลิ่นมากระทบจมูก ประสาทจมูกส่งไปให้ใจ ใจก็รับเอาไว้ เรียกว่า ได้กลิ่น เมื่อ
ได้กลิ่นแล้วก็เกิดเวทนา เช่น ถ้าหอมก็เกิดความสบายใจ ถ้าเหม็นก็เกิดความทุกข์ หรือมีกลิ่น
นิด ๆ หน่อย ๆ จึงไม่ได้รู้สึกอะไร เฉยๆ
เมื่อรสมากระทบลิ้น ประสาทลิ้นก็ส่งไปให้ใจ ใจก็รับเอาไว้ เรียกว่า ลิ้มรส เมื่อลิ้มรสก็
เกิดเวทนาขึ้นทันที ถ้าอร่อยสุขเวทนาก็เกิดทันที ถ้าเผ็ดหรือขมป์ ทุกขเวทนาก็เกิดหรือไม่ก็เฉยๆ
เมื่อมีวัตถุมากระทบกาย ประสาทกายส่งให้ใจ ใจก็รับเอาไว้ เมื่อรับเอาไว้ก็เกิดเวทนา
ขึ้นมาว่า เย็น ร้อน อ่อน แข็ง นิ่ง กระด้าง
5.3.3 สัญญาขันธ์
สัญญาขันธ์ หมายถึง ความจำได้หมายรู้ คือ จำรูป จำเสียง กลิ่น รส สัมผัส เกิดขึ้น
เพราะกลไกการทำงานของใจที่สามารถจำหรือบันทึกข้อมูลไว้ได้ ทั้งภาพ ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น ทั้งรส
ทั้งสัมผัสทางกาย และบันทึกได้แม้กระทั่งอารมณ์ที่เกิดกับใจ พูดง่ายๆ ว่าเพราะใจมีกลไกใน
การจำ หรือบันทึกข้อมูลได้ จึงเกิดสัญญาความจำได้ หรือระลึกถึง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
และอารมณ์ที่เคยประสบมาได้
1-2
พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว), พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ, กรุงเทพฯ : นฤมิต
โซล(เพรส), 2546, หน้า 118-119.
บ ท ที่ 5 ขั น ธ์ 5
DOU 93