ข้อความต้นฉบับในหน้า
1. อาตาปี มีความเพียรเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานจนสามารถเผากิเลสให้ร้อนและ
ให้ไหม้ได้ คือ ให้หมดสิ้นไปจากขันธสันดาน
2. สัมปชาโน มีสัมปชัญญะ คือ กำหนดรู้รูปนามอยู่ทุก ๆ ขณะ
3. สติมา มีสติระลึกอยู่กับกาย เวทนา จิต ธรรมเป็นประจำ
18. สมาธินทรีย์
คือ ความตั้งอยู่แห่งจิต ความดำรงอยู่แห่งจิต ความมั่นอยู่แห่งจิต ความไม่ส่ายไป
แห่งจิต ความไม่ฟุ้งซ่านแห่งจิต ภาวะที่จิตไม่ส่ายไป ความสงบอินทรีย์คือ สมาธิ สมาธิพละ
สัมมาสมาธิ ได้แก่ เอกัคคตาเจตสิก เป็นใหญ่ที่จะครอบงำอกุศลอันเป็นฝักฝ่ายให้ฟุ้งซ่าน คือ
อุทธัจจะ และเป็นนามธรรม
คือ
สัมมาสมาธิ ในวิปัสสนา ได้ปรมัตถ์ คือ รูปนามเป็นอารมณ์ มีลักษณะ 11 ประการ
1.อวิกเขป ทำจิตเจตสิกให้สงบระงับ ให้ตั้งมั่นในศีล สมาธิ ปัญญา จนกระทั่งถึง
มรรคญาณ
2. ปหาน ละมิจฉาสมาธิ ตั้งอยู่ในสัมมาสมาธิ จนถึงมรรคญาณ
3. อุปตุถมภน อุปถัมภ์ค้ำชูมรรคที่เหลืออีก 7 ให้เป็นมัคคสมังคี
4. ปริยาทาน ครอบงำกิเลสโดยตทังคปหาน วิกขัมภนปหาน และสมุจเฉทปหาน
5. ปฏิเวธาทิวิโสธน ยังใจให้บริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสเพราะปฏิเวธ
6. อธิษฐาน ตั้งจิตไว้ให้มั่นคงในศีล สมาธิ ปัญญา จนถึงมรรคญาณ
7.โวทาน ยังใจให้ผ่องแผ้วจากกิเลส จนกระทั่งถึงมรรคญาณ
8. วิเสสาธิคม บรรลุคุณวิเศษคือ มรรคญาณ
9. อุตตริปฏิเวธ แทงตลอดในมรรคญาณเบื้องสูงยิ่งๆ ขึ้นไปตามลำดับ นับแต่
โสดาปัตติมรรคญาณเป็นต้นไป จนกระทั่งถึงอรหัตตมรรคญาณ
538.
พระธรรมธีรราชมหามุนี, วิปัสสนากรรมฐาน ภาค 2, กรุงเทพฯ : อมรินทร์ พริ้นติ้งกรุ๊พ, 2532, ห น้ า
158 DOU สมาธิ 8 วิ ปั ส ส น า กัมมัฏฐาน