ข้อความต้นฉบับในหน้า
สัญญายตนะขอบภพข้างบน นี่โลกายตนะดึงดูดไปไม่ได้ หลุดไปไม่พ้น”
จากข้างต้นจะทำให้เรารู้ว่า อายตนะ 12 นั้นมีโทษมากเพราะดึงดูดสรรพสัตว์ให้ถูก
ขังไว้ ดังนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงแนะนำเราให้ค้นหาธัมมายตนะ คือ อายตนนิพพาน
ที่จะพาเราให้พ้นไปจากสังสารวัฏนี้
2. สละความยินดีในอายตนะ 6 แล้วให้ทานได้บุญมาก
พระมงคลเทพมุนีได้แนะนำให้เราทำใจให้ออกจากอายตนะเหล่านั้น ซึ่งมีโทษมาก
ถ้าต้องการอานิสงส์มากก็ต้องสละความยินดีในอายตนะ 6 ท่านกล่าว
ในขั้นต้นในการให้ทาน
เอาไว้ว่า
“ทานในพระปรมัตถ์ 6 คือ
มีอายตนะ 6 คือ ยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ถอนความยินดีใน
อารมณ์เหล่านี้ออกเสียได้ สละความยินดีในอารมณ์เหล่านี้เสียได้ก่อนเราเกิดมาเขาก็ยินดีกัน
อยู่อย่างนี้ ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ กำลังที่เราเกิดมาเขาก็ยินดี ในรูป เสียง
กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์เหล่านี้ ครั้นเราจะตายเขาก็ยินดี ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ธรรมารมณ์อย่างนี้เหมือนกัน
ความยินดีเหล่านี้ หากถอนอารมณ์ออกเสียได้ ไม่ให้มาเสียดแทงเราได้ พิจารณาว่านี้
เป็นอารมณ์ของชาวโลก ไม่ใช่อารมณ์ของธรรม ปล่อยอารมณ์เหล่านั้นเสีย ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่
ให้เข้าไปเสียดแทงใจ ทำใจให้หยุด ให้นิ่ง นี่เขาเรียกว่า ให้ธรรมารมณ์เป็นทาน ย่อมมีกุศลใหญ่
เป็นทางไปแห่งพระนิพพานโดยแท้ และเป็นทานอันยิ่งใหญ่ทางปรมัตถ์”
3. สละโลกายตนะเข้าหาธัมมายตนะ
พระมงคลเทพมุนีได้แนะนำให้สละความยินดีในอายตนะ 12 เหล่านั้นเสีย เพราะเป็น
ทางมาของโลภะ โทสะกับโมหะ การสละความยินดีเหล่านั้น ก็ใช้หลักการเดิมคือการทำใจให้
หยุดนิ่ง แล้วแสวงหาธัมมายตนะคือพระนิพพานนั้น
“ราคะ โทสะ โมหะเกิดมาจากจักขุบ้าง รูปบ้าง ความรู้ทางจักขุบ้าง ความสัมผัสทาง
1 วัดปากน้ำภาษีเจริญ และสมาคมศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ, มรดกธรรมหลวงพ่อวัดปากน้ำ
(พระมงคลเทพมุนี), กรุงเทพฯ : อมรินทร์ พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง, 2537 หน้า 503-506.
2 เล่มเดียวกัน หน้า 358-359
บ ท ที่ 6 อ า ย ต น ะ 12
DOU 127