อายตนะและการดึงดูดในโลก MD 408 สมาธิ 8 หน้า 134
หน้าที่ 134 / 265

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาตำราอธิบายถึงอายตนะในโลกที่มีการดึงดูดรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสซึ่งส่งผลต่อจิตใจมนุษย์ นอกจากนี้ยังสนทนาเกี่ยวกับผลของบาปที่ก่อให้เกิดกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องอเวจีและอนันตริยกรรมที่ส่งผลต่อการเกิดในโลกหน้าได้ การดำรงอยู่ในอายตนะโลกันต์ที่ดึงดูดมนุษย์เข้าสู่วงจรที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของการทำความดีและการหลีกเลี่ยงการกระทำที่ก่อให้เกิดบาป.

หัวข้อประเด็น

-อายตนะดึงดูด
-ปัจจัยทางจิตวิญญาณ
-กรรมและบาป
-ผลของการกระทำ
-การดำรงอยู่ในโลกันต์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ให้ “โลกายตนะหรือโลกมันดึงดูด รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส รูปที่ชอบใจมันก็ดึงดูดมา ไปติดกับมัน หรือเอาไปติดกับตา หรือเอาไปติดกับรูป เสียงที่ชอบใจมันก็ดึงดูดหู หรือหูดึงดูด เสียงเอามา กลิ่นที่ชอบใจก็ดึงดูดจมูก หรือจมูกก็ดึงดูดกลิ่นเอามา รสที่ชอบใจมันก็ดึงดูดลิ้น หรือ ลิ้นก็ดึงดูดมันมา สัมผัสที่ชอบใจมันก็ดึงดูดกาย หรือกายไปดึงดูดเอามันมา มันดึงดูดอย่างนี้ มนายตนะส่วนใจ ธรรมารมณ์ที่ชอบใจ มันก็ดึงดูดใจ หรือใจก็ไปดึงดูดเอามันมา นี้มันดึงดูด กันอย่างนี้ ดึงดูดแน่นทีเดียว หลุดไม่ได้ทีเดียว ไม่ว่าแก่เฒ่าชรา หญิง ชาย ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ชนิดใดละ ถูกอายตนะของโลกดึงดูดเข้าอย่างนี้ก็อยู่หมัด ไปไหนไม่ไหวละ อยู่หมัดที่ เดียว อายตนะโลกมันดึงดูดอย่างนี้ ไม่ใช่ดึงดูดพอดีพอร้ายอายตนะดึงดูดเหล่านี้ผิวเผินนะ ดึงดูด ลงไปกว่านี้อีกอายตนะของโลก ถ้าว่าสัตว์ในโลก มีธรรมดำล้วน ไม่ได้มีธรรมขาวเข้าไปเจือปนเลยเท่าปลายผม ปลาย ขน ดำล้วนทีเดียว แตกกายทำลายขันธ์ โน่น อายตนะโลกันต์ดึงดูด ต่ำกว่าภพ 3 ลงไปนี้ เท่า ภพ 3 ส่วนโลกันต์เท่ากับภพ 3 นี้ แต่ต่ำกว่าภพ 3 ลงไปอีก 3 เท่าภพ 3 นี้นั่นมันอายตนะ โลกันต์ดึงดูด ดึงดูดโน่น ไปอื่นไม่ได้ อายตนะโลกันต์มีกำลังกว่า พอถูกกระแสถูกสายเข้าแล้ว จะเยื้องยักไปทางอื่นไม่ได้ อายตนะของโลกันต์ก็ดึงดูดทีเดียว ไปติดอยู่ในโลกันต์โน่น กว่าจะ ครบกำหนดออกน่ะมันไม่มีเวลา เวลาน่ะนานนัก ไม่ต้องนับเวลากันละ เข้าถึงโลกันต์แล้ว กว่า จะได้ออก อจินเตยโย ไม่ควรคิด ไม่มีกำหนดกัน นั่นแน่น ดึงดูดติดขนาดนั้น นั่นอายตนะ โลกันต์หนา อายตนะอเวจี ถ้าจะไปตกนรกอเวจี ก็ฆ่าพระพุทธเจ้า ฆ่าพระอรหันต์ ฆ่าพระพุทธเจ้า หรือฆ่าพระอรหันต์ ทำลายโลหิตพระพุทธเจ้าให้ห้อขึ้น ยุยงให้สงฆ์แตกจากกัน เหล่านี้ ปิตุฆาต มาตุฆาต ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา เหล่านี้ แตกกายทำลายขันธ์ ต้องไปอเวจี อ้ายนี้อยู่ในภพ ขอบภพ ข้างล่าง ขอบภพข้างล่างพอดี อเวจี สี่เหลี่ยม เหล็กรอบตัวสี่ด้าน สี่เหลี่ยมทีเดียว ไปอยู่ใน ห้องขังนั้น ในห้องขังอเวจีนั้น แดงก่ำเหมือนกับเหล็กแดงทั้งวันทั้งคืน อะไรไม่ต่างกันละ ตัวเทวทัตแดงเป็นเหล็กแดงทีเดียว ไหม้เป็นเหล็กแดงทีเดียว แต่ไม่ตาย กรรมบังคับ ให้ทนอยู่ได้ นั่นไปตกอเวจีละ ทำถึงขนาดนั้น อนันตริยกรรมเข้า พอแตกกายทำลายขันธ์ กุศล อื่นไม่มีกำลัง อเวจีไม่ได้ อเวจีดึงดูดวูบทีเดียว สู่โยคเผด็จของตน ไปเกิดในอเวจีโน่น หย่อนขึ้น มากกว่านั้น ไม่ถึงกับฆ่ามารดา บิดา ทำลายโลหิตพระพุทธเจ้า ไม่ถึงยุยงพระสงฆ์ ทำลาย พระสงฆ์ ยุยงให้สงฆ์แตกจากกัน ปิตุฆาต มาตุฆาต อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์ ยังสงฆ์ให้ แตกจากกันเหล่านี้ ไม่ถึงขนาดนั้น หย่อนกว่านั้นลงมาเพียงแต่ว่าเกือบๆ จะฆ่ากันแหละ แต่ว่า ไม่ถึงกับฆ่า ไม่ถึงตาย เมื่อแตกกายทำลายขันธ์จากมนุษย์โลก ไปอยู่มหาตาปนรกโน้น 124 DOU สมาธิ 8 วิ ปั ส ส น า กัมมัฏฐาน
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More