ข้อความต้นฉบับในหน้า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ไม่ยั่งยืนอย่างนี้ไม่
ไม่น่าชื่นใจอย่างนี้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอ
เพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น...
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิดขึ้นแลเสื่อมไปเป็นธรรมดา ครั้นเกิดขึ้นแล้วย่อม
ดับไป ความที่สังขารเหล่านั้น สงบระงับไปเป็นสุข”
จากพุทธพจน์นี้พระพุทธองค์ทรงชี้ให้เห็นความยาวนานของการเวียนว่ายตายเกิดใน
สังสารวัฏ ซึ่งเป็นการเวียนตายเวียนเกิดอย่างนับครั้งไม่ถ้วนจนไม่อาจจะประมาณได้ ชีวิตใน
สังสารวัฏนี้เราเป็นมาทุกอย่างแล้ว
และก็ต้องเสียน้ำตาเพราะความทุกข์ในแต่ละชาติ
นับภพนับชาติไม่ถ้วน เมื่อเราพิจารณาแล้วก็จะเห็นว่า การเวียนตายเวียนเกิดในภพภูมิทั้งหลาย
หาความเที่ยงแท้ยั่งยืนไม่ได้ แม้การไปบังเกิดในภพภูมิต่าง ๆ ก็ยังหาความแน่นอนไม่ได้ ดังที่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่อนไม้ที่บุคคลโยนขึ้นบนอากาศ บางคราวก็ตกลงทางโคน
บางคราวก็ตกลงทางขวาง บางคราวก็ตกลงทางปลาย แม้ฉันใด
สัตว์ทั้งหลายผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่
ก็ฉันนั้นแล บางคราวก็จากโลกนี้ไปสู่ปรโลก บางคราวก็จากปรโลกมาสู่โลกนี้”
บุคคลแม้จะไปบังเกิดถึงพรหมโลก อาจต้องตกไปเกิดในอบายภูมิอีก ดังที่พระสัมมา
สัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
“อายุของเทวดาเหล่าอากิญจัญญายตนะ (บุคคลผู้สำเร็จฌานนั้น) ที่เป็นปุถุชนอยู่ตลอด
กำหนดอายุในเทวโลกชั้นนั้นแล้ว (จุติจากเทวโลกนั้น) ไปนรกก็ได้ไปกำเนิดเดียรัจฉานก็ได้ไป
กำเนิดเปรตก็ได้”3
เราจะเห็นว่าการเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่าง ๆ น่ากลัว ไม่ปลอดภัย และอาจประสบ
ทุกข์ภัยได้ตลอดเวลา เมื่อกิเลสยังมีอยู่ แม้ตัวของเราเองก็ยังไม่หลุดพ้นจากกิเลส จึงไม่ควร
ประมาทในการดำเนินชีวิต ไม่พึงปล่อยใจให้เพลิดเพลินยินดีหรือเผลอใจให้เศร้าหมอง ห่วงใย
กังวลในคน สัตว์ สิ่งของหรือเรื่องราวอันไม่เป็นแก่นสาร และหมั่นพิจารณาให้เห็นทุกข์โทษภัย
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค, มก. เล่ม 26 ข้อ 421-461 หน้า 506-535
*ทัณฑสูตร, สังยุตตนิกาย นิทานวรรค, มก. เล่ม 26 ข้อ 439 หน้า 520.
อเนญชสูตร, อังคุตตรนิกาย ติกกนิบาต, มก เล่ม 34 ข้อ 556 หน้า 532.
บ ท ที่ 4 ภ พ ภู มิ
DOU 83