ข้อความต้นฉบับในหน้า
2. สัททธาตุ
เป็นรูปธรรมมีหน้าที่กระทบโสตธาตุ องค์ธรรมได้แก่ สัททารมณ์ มีสภาวะเป็นคลื่น
ปรมาณูในอากาศ มีลักษณะสุขุมประณีตมาก พระพุทธองค์ทรงกำหนดมาตราไว้ดังนี้
1. รถเรณู (เม็ดฝุ่น) เท่ากับ 36 ตัชชารีธุลี
2. ตัชชารีธุลี (ละอองเห็นขณะแสงแดดส่อง) เท่ากับ 36 อณู
3. อณู (เล็กมองเห็นด้วยตาเปล่าไม่ได้) เท่ากับ 36 ปรมาณู
4. ปรมาณู (เล็กมาก) เท่ากับ 1 อวินิพโภครูป
5. อวินิพโภครูป (รูปที่แยกกันไม่ได้) เท่ากับรูป 8 ชนิด
รูป 8 ชนิดนั้น คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม สี กลิ่น รส โอชา ละเอียดที่เป็นเม็ดปรมาณูกระจาย
อยู่ทั่วไปหนาทึบในท่ามกลางบรรยากาศ ดังนั้นเสียงจึงสามารถไปได้รวดเร็วและไกลตาม
ขนาดของเสียง ถ้ามีไฟฟ้าเป็นสื่อก็จะไปได้ไกลมาก สามารถข้ามไปอีกมุมโลกได้
สัททธาตุนี้ มีลักษณะแตกดับเหมือนลูกคลื่นที่ทยอยเข้ากระทบฝั่งแล้วแตกกระจาย
ไปฉะนั้น เมื่อเสียงวิ่งไปปะทะใบหูจึงวิ่งเข้าสู่ช่องหูอย่างรวดเร็ว กระทบกับขนสีแดงจึงจะสะท้อน
ถึงวงแหวนของประสาทหู เกิดความรู้สึกขึ้นโดยมีโสตวิญญาณได้ยินเสียงขึ้น จะตั้งอยู่ได้ 17
ขณะจิต แล้วจึงดับไป เสียงอันเป็นธาตุกระทบนี้ ย่อมเป็นอารมณ์ให้จิตกุศลหรืออกุศลเกิดขึ้นได้
3. คันธธาตุ
เป็นรูปธรรม มีหน้าที่กระทบประสาทจมูก องค์ธรรมได้แก่ คันธารมณ์ มีลักษณะเหมือน
น้ำมันระเหย ล่องลอยไปตามสายลมมาปะทะจมูกเข้าแล้วทำให้เกิดฆานวิญญาณรู้กลิ่นขึ้นได้
คันธธาตุมีธรรมชาติแตกดับเป็นธรรมดาโดยผ่านมากับสายลมกระทบกับจมูกแล้วก็ผ่านไปเช่นนี้
อยู่เนือง ๆ
4. รสธาตุ
เป็นรูปธรรม มีหน้าที่กระทบลิ้นให้ปรากฏแก่ชิวหาวิญญาณ ความรู้รสทางลิ้น
องค์ปรมัตถธรรม ได้แก่ รสารมณ์ มีลักษณะเหมือนยางเหนียวอยู่ในอาหารทุกชนิด เมื่อบริโภค
อาหารเข้าไปผสมกับน้ำลาย เป็นต้น รสก็สามารถกระทบกับประสาทลิ้นทำให้การลิ้มรสรู้มีขึ้นได้
รสธาตุมีอาการแตกสลายอยู่เสมอ บรรดารสทั้งหลายไม่ว่าเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด ร้อน
ประการใด เมื่อกระทบประสาทลิ้นล่างลำคอลงไปแล้วย่อมหายไปสิ้น ถ้าไปเห็นรสตาม
ความเป็นจริงว่า กระทบลิ้นแล้วดับไปก็จะเกิดความทุกข์ไม่สิ้นสุด
138 DOU สมาธิ 8 วิ ปั ส ส น า กัมมัฏฐาน