ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธานศัพท์ไวยากรณ์ นามวิกิต และกริยวิกิต - หน้าที่ 46
(กิลเลสชาดาได) (มคเฑน อัมมรรค) พึงหา เหตุนี้นั่น (กิลเลสชาดานั้น)
ชื่อว่า อัมมรรพึงหา ทั้ง ๒ นี้เป็นภาพรูป กัมมสารนะ ถ้าจะให้เป็น
ภาวรูปภาวสานุเคราะห์ วิชาก์ ว่า วิชาน วิชาครา ความรู้ ชื่อว่า
วิชาครา วิชาครา วิชาครา ว่าวิชาน วิชาครา ความรู้ กล่าวว่า
วิชาครา วิชาครา วิชาครา ดี วิชชา (เตน อันเนวา) พึงหา
เหตุนี้ชื่อว่า ความถม่า
2. อบ ณ แล้วคงไว้ คือ เมื่ออบ ณ แล้ว ให้คงไว้
ไม่แปลเป็นอย่างอื่น แต่วิธีอื่นอย่างหนึ่ง คือ ไหล อิ อามม
ที่หลังชาตูบัง แปลที่สุขบัง ซ้อนพยัญชนะบัง.
ก. ลง อิ อามม เช่น กริย เป็น กร ธาดา ลง อณป จัย
ลง อณ เสีย คงไว้ ทีจะ อ ที่ เป็น อลงอิวลง อามม วิ.
เหมือนในแบบ หรือ เช่น อริยา เป็นคร ธาดา ลง อณป อลง อบ
อณ คงไว้ ลงอามม ที จะ ไม่ทะเน้นธาดา ว่า อารณฺ อริยา
ความประพฤติ ชื่อว่า อริยา เป็นภาวรูป ภาวสานุเคราะห์
ข. แปลที่สุดชูด เช่น อิจฉา เป็น อิสสาธู ในความปรารถนา
ลง อณ ปัจจัย ลง อณ คงไว้ แปลว่า สุดสุดเป็น จู
ว.ว่า อิจฉาทุพพุน-ติ อิจฉา (เตน อันเนวา) พึงปรารถนา เหตุนี้น
ชื่อว่า ความปรารถนา เป็นภาวรูป ภาวสานุเคราะห์ และพึงดูออย่าง
ในข้อ ๑ ด้วย.
ค. ช่อมผัญชนะบ้าง เช่น เวน ฑโย เป็น วิโทหนา นี ธรดุ
ลง อณ ปัจจัย ลง อณ เสีย พฤทธิ อ ที วิ และ อทีนี้ เป็น เ