ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อธิบายคำไวกรณ์ นามกิตติ และกริยากิตติ - หน้าที่ 4
ดังตัวอย่างนี้ เราเห็นได้แล้วว่า คำว่า ทา น คำเดียว อาจ
แปลความหมายได้หลายหมายนัง ดั่งแสดงมาจะนี้
ศัพท์ที่บ่งชี้ปรุงแตงเป็นกริยากิตติ
ศัพท์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนในกิริยากิตติให้สำเร็จรูปเป็นกิริยาภัทแล้ว
กิริยาภัทนั้น ๆ ก็อ่อนมีความหมายแตกต่างกันออกไปตามปัจจัยนั้น ๆ
เช่นเดียวกับศัพท์ที่เปลี่ยนปรุงให้สำเร็จรูปเป็นนามศัพท์ ในส่วนกิริย
ศัพท์นี้ ดังที่ท่านกล่าวว่า "ทำ" ขึ้นมาเป็นอาหรณ์ ย่อมอาจหมาย
ความไปต่าง ๆ ด้วยอำนาจปัจจัย ดังจะ แสดงให้เห็นต่อไป คำว่า
" ทำ " ออกจากศัพท์าธุ "กรุ" ถ้าเป็นศัพท์บอกผู้อ่าน ก็
เป็นกิตติจุฎาท บอกสิ่งที่ทำ ๆ ก็เป็นกิริยามาจาก บอกอาการที่ กิ
เป็นวากวา (ไม่กล่าวถึงก็อตา และ กาม). บอกผู้ใช้ให้ทำ ก็เป็น
เหตุดูดาวก บอกสิ่งที่เขาใช้ให้ทำ ก็เป็นเหตุดูดาวกมาจาก
๑. บอกผู้ทำก็เป็นกิตติวาจา นั่นเมื่อบำบัดปรุงธาตุแผนก
กิตติวาจามประกอบเข้า เช่น อนุ หรื มาน ปัจจัยเป็นต้น ก็ได้รูป
เป็นกิตติวาจา เช่น กรุงเทพ เช่น กรุ งฤด ล อนุ ปัจจัย ได้รูปเป็น กรุนโต,
กริวตา, กโรณด เป็นว่า "ทำอยู่" เมื่อว่า "ตามจึง" เช่นว่า
ประธาน เมื่อต้องการจะแต่งให้เป็นประโยคตามในแบบ ก็ต้องหาว่า
กิตติคู่หา ในที่นี้บ่งถึงนายช่าง ก็ต้องใช้คำว่า "วดฤกษ์" ตัว
กรรมบ่งถึงเรือน ก็ต้องให้ว่า " มร" ตัวคู่ นามที่เพิ่มเข้ามาแสดง
ถึงอารที่นายช่างทำ คือ งามจริง ก็ใช้คำว่า "อถิวโลภ" ซึ่ง
แสดงความวิศัยของการกระทำว่า ทำได้งามจริง ท่านเรียกว่า กริย-