ข้อความต้นฉบับในหน้า
ก็อย่าด่วนปฏิเสธ แต่ควรจะค้นคว้าหาความจริงต่อไป ด้วยการเจริญสมาธิภาวนาจนถึงขันบรรลุ “ทิพย์จักษุ” เป็นอย่างน้อยเราก็จะได้เครื่องมือวิเศษสำหรับพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ให้กระจ่างแจ้งได้เอง
อย่างไรก็ดีตาม พระธรรมคำสอนเรื่องนี้ ได้ให้น้อยว่า คนเราต้องทำดีไว้เผื่อเหนียว คือ ต้องบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนาอย่างต่อเนื่องมานานแล้ว เมื่อใจพัฒนาขึ้นตามลำดับๆ แมยังไม่บรรลุทิพย์จักษุ เราก็พอจะตรงได้ด้วยปัญญา จนเกิดความเชื่อมั่นว่า เรื่องโอปปาติกะ และนรกสวรรค์มีจริง ก็จะทำให้เราดำเนินชีวิตโดยไม่ประมาท บุคคลที่มีความเชื่อมั่นเช่นนี้ ชื่อว่า มีความเห็นถูก เป็น “สัมมาทิฏฐิ” และแน่นอนจิตใจ ย่อมพัฒนาความรับผิดชอบให้สูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง
ในทางกลับกัน บุคคลที่มีจิตใจมืดมิดด้วยอำนาจเลสไม่สนใจศึกษาและปฏิบัติธรรม มีความเชื่อเฉพาะสิ่งที่ตนเห็นด้วยมังสังฆู สิ่งใดที่ตนไม่เห็นก็จะไม่เชื่อ ไม่คิดจะทำกรรมดีไว้เผื่อเหนียว มีชีวิตอยู่อย่างประมาณ ด้วยการทำกรรมชั่วเป็นอาญิน บุคคลที่ขาดการพัฒนใจเช่นนี้ ชื่อว่า มีความเห็นผิดเป็น “มิจฉาทิฏฐิ”