ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระภาวนาวิริยะคุณ (ทัตตชีโว ภิกฺขุ)
เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บ หรืออาจเรียกว่า “รายเหลือ”
๒ ต้องไม่ใช่จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ก็ไม่ผิดเคือง การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนอกจากจะไม่มี “รายเหลือ” แล้ว ยังอาจจะต้องมีหนี้สินอีกด้วย การใช้เงินแบบผิดเคืองนั้นหมายถึงทรัพย์แล้วจ่ายอย่างกระเดียดกระเสียร เพราะความตระหนี่จึงมีการกินอยู่อย่างรำราญ แต่กายอย่างชะมูกชะอมอาศัยอยู่ในบ้านเรือนซอมซ่อ ย่อมไม่ได้รับการให้เกียรติ ยกอย่างจากผูคนโดยทั่วไป หรืออาจถูกมองว่าเป็นคนยาจนขั้นแค้นใจไมใด้ และที่มีผลร้ายที่สุดคือ ความตระหนี่ทำให้เป็นคนใจแกบ ไม่แบ่งปัน ไม่สงเคราะห์ญาติพี่น้อง
ย่อมเป็นคนไม่รำคาญ ไม่สามารถผูกมิตรกับใครได้ คนประภาพนี้แม้จะมีรายเหลือ แต่ก็บริหารทรัพย์ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงไม่เป็น
จากสาระสำคัญของการ “ใช่เป็น” ทั้ง ๒ ประเภทนี้ ย่อมเห็นได้ว่าการใช้เป็น คือ การใช้แล้ว มึนเงินเหลือ เมื่อมีเงินเหลือย่อมมีเงินเก็บ ครั้นเมื่อย้อนกลับไปดูเรื่อง “เก็บเป็น” ก็มีคำถามว่า เก็บไว้เพื่ออะไร
จากการฝงขุมทรัพย์ ๒ วิธี ก็ทำให้เราทราบแล้วว่า การเก็บเป็นทรัพย์หยาบ นอกจากไม่พันอันตรายจากเหตุต่างๆ แล้ว ที่น่ากลัวที่สุดคือ ถ้าจ้าของทรัพย์หมดบุญ ทรัพย์ที่เก็บสะสมไว้รั้น จะไม่มีจำนวนมากมายเท่าใด ก็จะอับรรธาน
243