ข้อความต้นฉบับในหน้า
โครงการบวชขอบสีกาแก้วหน่ออ่อน ๑ ล้านคน
ทับฉันใด; น้ำตาที่ไหลออกของเธอร้องไห้อยู่ในสงสารนี้ ในเวลาที่บรรชมคุณเป็นต้นตาย ยังมากกว่าน้ำแห่งมหาสมุทรทั้ง ๔ ฉันนั้นเหมือนกัน"ดังนี้แล้ว ศรสรพระคาถานี้ว่า :-
"น้ำในสมุทรทั้ง ๔ มีประมาณน้อย, น้ำตาของคนผู้อื่นทุกข์ต้องแล้ว เสร็จโศก ไม่ใช่น้อย มากกว่าในมหาสมุทรนั้น; เหตุไร เธอจึงประมาณอยู่ว่า: แม่นน้อง "
เมื่อพระศาสดาตรัสสอนมัดคติอริยสูตรอยู่อย่างนั้น, ความโศกในสิริของนาง ได้ถึงความเบาบางแล้ว. ลำดับนั้น พระศาสดาทรงทราบนางผู้นี้ความโศกเบาบางแล้วทรงเตือนอีก แล้วตรัสว่า " ปฏิ ธาราชนีชื่อว่านิพุตเทสนั้น, ไม่อาจเพื่อเป็นที่ด่านทาน เป็นที่พึ่ง หรือเป็นที่ป้องกันของผู้ใดสูบไปสู่โลกไหว; เพราะฉะนั้น นบุตรเป็นต้นหล่านั้นจึงถึงอยู่ สื่อว่าอย่ำำไม่มีมิเดียว, ส่วนบุตติปติชะศิลแล้ว ควรชำระทางยังสัตว์ให้ถึงนิพพานของตนเท่านั้น" เมื่อตรัสแสดงธรรม ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
"บุตรทั้งหลาย ไม่มีเพื่อท่านทาน, บิดาศไม่มีถึงพวกท้องไม่มี, เมื่อบุคคลผู้ออกวามตาย ครองบ้างแล้ว ความด่านทานในบุญทั้งหลาย ย่อมไม่มี้;
บันฑิตตราบอำนาจประโยชน์นั้นแล้ว สำรวมในศีลพิชำระทางไปพระนิพพานโดยเร็วทีเดียว."
ในกลอบเทศกา นางปฏาจาราผกาคเจลสมประมาณเท่าฝุ่นในแผ่นดินใหญ่มันแล้ว ตั้งอยู่ในโศกาดัดผล, ชนแม่หลายอึ่นเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโศกปฏิผลเป็นต้น ดังนี้แล้ว.
นางปฏาจาราผกาลของช
ฝ่ายนางปฏาจารินั้นเป็นพระโสดาบันแล้ว ทูลขอบรรพชะพระศาสดา พระศาสดาทรงส่งนางไปยังสำนักของภิกษุณีให้บรรพชาแล้ว. นางได้อุปสมบทแล้วปรากฏชื่อว่า "ปฏาจารา" เพราะนางกลับความประพฤติได้. วันหนึ่ง นางกำลังเอาน้ำดำล้างเท้าท่าน, น้ำนี้ไหลไปหน่อยหนึ่งแล้วก็กลับ. ครั้งที่ ๒ น้ำท่ากระลวก ใดไหลไปก็กล่าวนั้น. ครั้งที่ ๓ น้ำที่ท่ากระลวก ให้ไหลไปก่่อนั้น แล้วประการณะนี้. นางถือเอาน้ำนี้นะแลเป็นอารมณ์ กำหนดด้วยทั้ง ๓ แล้ว คิดว่า
"สัตว์เหล่านี้ ตายเสียไปปรมาณมียาเหมือนน้ำนี้เราขลงลงเรื่อย, ตายเสียไปในสมมุติว่ามี เหมือนน้ำนี้เราขลงครั้งแรก, ตายเสียไปในสมมุติว่ามี เหมือนน้ำนี้เราขลงครั้งที่ ๒ ไหลไปก่่อนนั้น, ที่นี้ไหล ใครให้ไหลไปก่่อนนั้น ด้วยประการฉะนี้."