ข้อความต้นฉบับในหน้า
โครงการบวชขอสงเกล้าหน่ อ่อน ๑ ล้านคน
ในวันที่รับชื่อให้ทราบว่า นาย เดียวนี เราพากันไปสู่เรือนของเราเกิด" อุ้มบุตรไปก่ามี ตามทางอันตัดไปในท่ามกลางวิหาร มอบบุตรให้สามีแล้วลงอาบน้ำในสระโบกข้างวิหารแล้ว ขึ้นมารับอาบุรุษ, เมื่อสามีคำล้างอาบน้ำอยู่ ยืนให้บุตรดื่มนมแลเห็นนางยิ้มมีอยู่ จำได้แล้ว ร้องด้วยเสียงอันดังว่า "นาย มามีรา กาเถิด นี้นางยิ้ม คนนัน" ดังนี้แล้ว ไม่อาจขึ้นรออุจจมนั้นมาไกลังกลับบ่ายหน้าไปสู่ภายในวิหารแล้ว.
ได้พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง จึงปลดเปลื้องความผูกเวร
เวราไม่ระงับด้วยเวร แต่ระงับได้ด้วยไม่ผูกเวร
ในสมันนั้น พระศาสดา ทรงแสดงธรรมอยู่ในท่ามกลางบริบทธนางกูลิวสันต์ให้นอนลง
ลงดึงหลังพระบาทแห่งพระตถาคตแล้วกล่าวว่า "บุตรฉัน ข้าพระองค์ถวายแด่พระองค์แล้ว ขอพระองค์ประทานชีวิตแก่บุตรข้าพระองค์เถิด." สุมเทพ ผู้สูงอยู่ที่ชุมประตูไม่อาจให้นางยิ้มมีเข้าไปบ้างใน พระศาสดารับสั่งเรียกพระอนุปเฏเณรมาแล้วตรัสว่า "อานนท์ เธอจงไปเรียนนางยิ้มนี้นามว่า." พระเถรเชิญนางยิ้มนี้นามแล้ว.
นางกุลธิดา กราบบูลลา"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นางยิ้มนี้มีมา."พระศาสดาตรัสว่า นางยิ้มนี้ จงมาเกิด,เจ้าอย่่าได้รับไปเลย" ดังนี้แล้ว ได้รสละ
นางยิ้มผูมียืนอยู่แล้วว่า "เหตุไร? เจ้างี้ทำอย่างนั้น ก็คำพาทเจ้าไม่มาสู่ขุเฉพาะหน้า พระพุทธเจ้า ผู้สนเร้าราแล้ว เวรของพวกเจ้า จักได้เป็นกรรมตั้งอยู่ชั่วกัลป์ เหมือนเวรของภูมิพังพอน, ของที่มีมากไม่สะแคระ และของกบกับนกเค้า,เหตุใดน พวกเจ้าจึงทำเวรและเวรตอบแก้กัน? เพราะเวรอมหัศจับได้ด้วยความไม่มีเวร หรอจะได้ด้วยเวรไม่"ดังนี้แล้ว ได้รสพระคาถานี้ว่า.
๔. หิ หิเรน เวานี สมมุตติ กุฏาวติ
อเวร จ สมมุตติ เอส ธ มโน สมมุตโน.
"ในกาลไหน ๆ วัวยะหลายในโลกนี้ ย่อมไม่ระงับด้วยเวรเลย ก็แต่จะระงับได้ด้วยความไม่มีเวร, ธรรมนี้เป็นของเก่า."