ข้อความต้นฉบับในหน้า
โครงการบวชอวบสีกาแก่หน่ออ่อน ๑ ล้านคน
"๑) ภิกษุใด มีปกติอยู่คั่วเมตตา เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา,
ภิกษุนัน พึงบรรลุอนุสร เป็นที่
เข้าใจบังสาขา อันเป็นสุข.
๒) ภิกษุ เธอจงวิติเรื่อย เธอที่เรือวัดแล้ว จักถึงเร็ว;
เธอด่าราคะและโทษะได้แล้ว แต่นั้นจักถึงพระนพิพาน.
๓) ภิกษุพึงขัดธรรม ๕ อย่าง พึงจะธรรม ๕ อย่าง
และพึงองคุณธรรม ๕ ให้จริงอยู่ ขึ้น,
๔) ภิกษุผู้ล่วงกิเลส เครื่องน้อง ๕ อย่างได้แล้ว
เราเรียกว่า ผู้มาถ โยนะแอได้.
๕) ภิกษุ เธอจงฟังและอย่าประมาท จิตของเธออย่า
หมุนไปในกามคุณ, เธออย่าเป็นผู้ประมาทกลิ่นกิน
ก้อนแห่งโละ, เธออย่าเป็นผู้ฉันธรรมะแผนผ่ออยู่
คร่าวรวมว่า "นี่ทุกข์..."
๖) มาน่อยไม่มีแก่มบุกกลุุ่มไม่มีปัญญา,
ปัญญาย่อมไม่มีแก่มผู้ไม่มิมาน, มานและปัญญาย่อมมิในบุคคลใด,
บุคคลนั้นแล ตั้งอยู่แล้วในที่ใกล้พระนิพพาน.
๗) ความยินดีมิใช่งอมือแห่งมนุษย์ ย่อมมิแก่ผู้เข้ามาไปแล้วสู่เรือนว่าง
ผู้มีจิตสงบแล้ว ผู้เห็นแจ้งธรรมอยู่โดยชอบ.
๘) ภิกษุชำระนฎู ซึ่งความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปแห่ง
ขันธ์ทั้งหลาย โดยอาการใด ๆ, เธออย่าได้ดีและ
ปรามจากโดยอาการนั้น ๆ, การได้ดีและปราโมทย์
นั้น เป็นธรรมอันไม่ตายของผู้แจ้งทั้งหลาย, ธรรม
นี้ คือความคุ้มครองซึ่งอินทรีย์ ๆ ความสันโดษ.
ความสำรวมในพระปฏิโมกข์ เป็นเนื่องต้นใน
ธรรมอันไม่ตาย นั้น มีอยู่แก่อกผู้มีปัญญาในพระศาสนานี้.
๙) เธอจงบ่มมิตรที่ดีงาม มืออาชีวะอันหมดจด ไม่เกื้อกูลร่าน.
ภิกษุเป็นผู้ประพฤติในปฏิสังขรณ์ พึงเป็นผู้ลดในอาจาระ;
เพราะเหตุนี้เธอจึงเป็นผู้มีกิเลสปกปิด กระ ทำดีที่สุดทุกชนิด"