ข้อความต้นฉบับในหน้า
โครงการบวชมาสิกาแก่หนอ่อน ๑ ล้านคน
๑๔) เรื่องพระนางรูปปั้นทาเธรี [๒๒๒]
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเวสันตรังทรงปรารภพระนางรูปปั้นทาเธรี ซึ่งเป็นนางงามในชนบทตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า “อุษูนี นาคะ กะ” เป็นต้น.
บวชมาต่างกัน เพราะติดฎุาดี เห็นคนอื่นบวช อยากบวชบ้าง กลัวว่าเหร ??
พระนางรูปปั้นทรงผมวช
ได้ยินว่าหนึ่งพระนางรูปปั้นนั้นทรงดำรัสว่า “เจ้าพี่ใหญ่ของเราสละสิริราชสมบัติ (ออก)ผมวช เป็นพระพุทธเจ้าผู้ครูบาในโลก แม้โอรสของพระองค์ว่าสว่า ราชกุลมาริผนวชแล้ว แม้เจ้าพี่ของเรา (คือพระนันทะ) ก็ผวชแล้ว แม้พระมารดาของเราก็ทรงผนวชแล้ว เมื่อเฉะพระญาติบีประมาณเท่านี้ ทรงผนวชแล้ว. แม้เราก็ทำอะไรในเรือน จักผนวช (บ้าง).”
พระนางเสด็จเข้าไปสู่สำนักกิษฎีทั้งหลายแล้วทรงพระนางทรงผนวช เพราะสนหาในพระฤฏีเท่านั้น ไม่ใช่เพราะพระธรรมาไม่แต่พระนางเป็นผู้มีพระโฉมอันวิไล จึงปรากฎพระนามว่า “รูปนันท.”
พระนางไม่เข้าเฝ้าพระศาสดาเพราะแกล้วถูกดำหนิ
พระนางได้รับตรัสว่า “ได้ยินว่า พระศาสดาตรัสว่า “รูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา, เวทนา สัญญา วิญญาณไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา” จึงไม่คลั่งไคล้หญิง พักตรพระศาสดาด้วยทรงกรมว่า “พระศาสดาจะพังตรัส ไทยในรูปเมของเรึ่งนี้ ๆ น่าอ่อนใจอย่างนี้.”
คนมีมุป่อง ย่อมยึดมั่นตนเอง ไม่อยากให้ใครมาต้านรินมังสือของตนเอง
ชาวกรณียมฟังธรรม
ชาวพระนครสวัดดีถวายทานแต่เช้าสุภาพอุตในอับสละผ้าสะอาด มีมือถือของหอมและระเบียบดอกไม้เป็นต้น ในเวลาเย็นประุมนฟังธรรมในพระเวสันตรัง. แม้ภิญญก็มุ่งสมผู้เกิดฉันทะในพระธรรมเท่านั้นพระศาสดาอองไมไหวรไปทรงฟังธรรม. ชาวพระนครสวัดดีหล่านี้ ครับฟังธรรมแล้วเมื่อเข้าไปสู่พระนคร ก็กล่าวแต่คุณากของพระศาสดาเท่านั้น