ข้อความต้นฉบับในหน้า
โครงการบวชขอบสึกแก้วหน่ออ่อน ๑ ล้านคน
"มฏฐู ย่อมพาชนผู้มามาในบุตรและสัตว์ ของเลี้ยง ผู้มีใจชำนไปในอารมณ์ต่าง ๆ ไป ดู จุด ห่วงน้ำใหญ่ พัดขวาบ้านผู้กลัปไหวไปนั้น.."
ในกลางบคาคา นางกิสาโคดมีดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล แม้นชานหล่ออื่นเป็นอันมาก บรรลุ อิทธิพลหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้นดังนี้แล
นางบวชในพุทธศาสนา
ฝ่ายนางกิสาโคดมีนั้นบรรขอบรรชาคะพระศาสดาแล้ว พระศาสดาทรงส่งไปยังสำนักงานของนางกิษณีให้บรรพชาแล้ว นางได้อุปสมบทแล้วปรากฏชื่อว่า "กิสาโคมิตฺเถร"
วันหนึ่ง นางถึงวาระในโรงอุปถัมภ์ นุ่งตามประทีปเห็นเปลวประทีปปลูกโลงขึ้นและรือ่งได้อื่อเป็นอารมณ์ว่า "สัตว์เหล่านี้ก็อเกิดขึ้นกันเกิดขึ้นและดับไปดั่งเปลวประทีป", ผู้ถึงพระนิพพาน ไม่ปรากฏอย่างนั้น.."
พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎีมั่นและ กรุงเทพๆพระศรีมาไป ดังนั่งตรงหน้ามัง ครสว่า "อย่างนั้นแหละ โดมดี สัตว์เหล่านั้น ย่อมเกิดและดับและดับเหมือนเปลวประทีป, ถึงพระ นิพพานแล้ว ย่อมไม่ปรากฏอย่างนั้น, ความเป็นอยู่แม้เพียงขณะเดียว ของผู้เห็นพระนิพพาน ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ ๑๐๐ ปี ของผู้ไม่เห็นพระนิพพานอย่างนั้น" ดังนั้นแล้ว เมื่อนจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรมนิจจะพระคาถานี้ว่า:- ๑๓. โย วา สุตสนฺต ชิว อปลสฺสุ อนฺต ปาโม เอกาท ชีวิต เสยโย ปุสดฺโฐ อนํ ติยาแสนคะ อนฺตํ ปาโม "ก็ผู้ใดไม่เห็นบ่วงอันไม่ตาย พึงเป็นอยู่...ปี, ความเป็นอยู่วันเดียว ของผู้เห็นบ่วงอันไม่ตาย ประเสริฐกว่า ความเป็นอยู่ของผู้ที่นั้น"
ในกลางบคาคา นางกิสาโคดมีน้อยอยู่ตามเดิมนั้นแหละ ดำรงอยู่ในพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสํมิพาทั้งหลาย ดังนี้แล.
เรื่องนางกิสาโคดมี จบ