การให้ทานตามกาลในพระพุทธศาสนา ทาน...ก้าวแรกแห่งการพัฒนาคุณภาพชีวิต หน้า 115
หน้าที่ 115 / 236

สรุปเนื้อหา

การให้ทานตามหลักของพระพุทธเจ้านั้น มีความสำคัญมากในชีวิตของสัตบรุษ การให้ทานควรทำในเวลาที่เหมาะสมและตามสถานการณ์ เช่น การให้ทานในเวลาอันควรหรือเมื่อมีผู้เดือดร้อน สัตบรุษจะมีจิตอุเททสาหะและไม่หวังผลตอบแทน ในการให้ทานนั้นควรมีการพิจารณาไม่ให้เกิดผลกระทบต่อตนเองหรือผู้อื่น พร้อมทั้งรักษาศีลและความดีไว้ในใจ การให้ทานที่ถูกต้องจะช่วยเสริมสร้างส่วนบุญและประโยชน์ต่อทั้งผู้ให้และผู้รับ การถวายผ้ากาสวะน ถวายอาหาร และอุปการะผู้ยากไร้ เป็นตัวอย่างของการให้ทานในเวลาที่เหมาะสม โดยพระพุทธเจ้าทรงสอนให้เห็นถึงความสำคัญและคุณค่าของการให้ทานในชุมชน.

หัวข้อประเด็น

-การให้ทานตามเวลา
-หลักการให้ทานในพระพุทธศาสนา
-สัตบรุษและจิตอุเททสาหะ
-การให้ทานที่ไม่ทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
-การถวายผ้ากาสวะน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

๓. สัตบรุษย่อมให้ทานตามกาล คือ ให้ในเวลาที่สมควร ซึ่งเป็นเวลาจำเพาะที่จะต้องให้ในช่วงนี้เท่านั้น เลยเวลานี้ไปก็ไม่สำเร็จประโยชน์แล้ว เช่น การถวายผ้ากาสวุาน เป็นต้น เป็นกาลทาน พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า ๕ อย่าง คือ ๑. อานันตะทาน ให้แก่ผู่มาสู่ถิ่นของตน ๒. คมิกะทานให้แก่ผู้ที่จะเตรียมตัวจะเดินทางไปยังที่ต่างๆ ๓. ทพิกะทาน ให้ในสมัยที่ข้าวหามาแพง (หายาก เศรษฐกิจตกต่ำ) ๔. นวสัละทานและนวผละทาน เมื่อมีข้าวใหม่ๆ หรือผลไม้ออกใหม่ ก็เอามาทำทานก่อน ๕. คิลานะทาน ให้การอุปฐากจากกิฐผู้เจ็บป่วย (ในกาลทานสูตร อังคุตตรนเทยยะ ปัญจานิบาต มี่ ฯ อย่าง คือ อานันตะทาน คมิกะทาน ทพิกะทาน นวสัละทาน และ นวผละทาน) ๔. สัตบรุษย่อมให้ทานด้วยจิตอุเททสาห เมื่อเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ขาดแคลนปัจจัย ๔ ก็มีจิตอุเททสาหะช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน ๕. สัตบรุษย่อมให้ทานโดยไม่กระทบตนและผู้อื่น คือ การให้โดยไม่ทำลายคุณความดีของตนและผู้อื่น สัตบรุษไม่ผิดศีลไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนเพื่อถวายทาน เช่น ฆ่าสัตว์ทำอาหารเพื่อ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More