ข้อความต้นฉบับในหน้า
อานิสงส์ถวายน้ำอ้อย
๒๑๔
เวลาในชีวิตของมนุษย์นั้นมีอยู่จำกัด เมื่อหมดแล้ว
ก็หมดเลย ไม่มีการต่อเวลา ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เราไม่รู้ว่า
เวลาจะหมดลงเมื่อไร ยังมีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่เราคิดอยาก
จะทำ แต่ยังไม่ได้ทำ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราจำเป็นจะต้องรีบทำ
นั่นคือ การบำเพ็ญประโยชน์ตนและผู้อื่นให้ถึงพร้อม เหมือนดังที่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสเตือนพระภิกษุสงฆ์ว่า “ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย เป็น
ของไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและผู้อื่นให้ถึงพร้อม
ด้วยความไม่ประมาทเถิด”
ประโยชน์ตนนั้นมีอยู่ ๓ ระดับด้วยกัน คือประโยชน์
ในปัจจุบัน ได้แก่การบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนาให้ถึงพร้อม
ประโยชน์ในสัมปรายภพในสุคติภูมิ คือเมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว
ให้ได้ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ และเมื่อถึงเวลาก็ลงมาเกิด
เพื่อสร้างบารมีกันต่อในเมืองมนุษย์ ส่วนประโยชน์อย่างยิ่งนั้น
คือการได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ฉะนั้นเมื่อบำเพ็ญประโยชน์ตน
ได้ดีแล้ว ต้องบำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่นด้วย ด้วยการชักชวนกันให้
มาทําความดี ทั้งให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา เหมือนกับ
ในสมัยพุทธกาล ที่คนเฝ้าไร่อ้อยได้บำเพ็ญประโยชน์ตนด้วย
การสร้างเสนาสนะถวายพระอรหันต์ เมื่อละจากโลกไปแล้ว
ก็ไปเกิดเป็นเทวดา แล้วยังได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย