ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาชll
อานิสงส์ถวาย ดอกอ้อ
๔๖๑
จะเป็นเด็กก็เป็นเด็กที่สอนตนเองได้ ว่าสิ่งใดควรทํา สิ่งใดไม่
ควรทา พอเติบโตเป็นวัยรุ่น ก็ไม่เคยทำความเดือดเนื้อร้อนใจ
ให้มารดาบิดา
จนกระทั่งมีอายุได้ ๒๐ ปี วันหนึ่งได้ฟังธรรมในสำนัก
ของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี ทำให้เกิดความสลดสังเวชใน
ชีวิตการอยู่ครองเรือน ไม่ปรารถนาที่จะเวียนว่ายตายเกิดอีก
จึงตัดสินใจลามารดาบิดาออกบวชเป็นบรรพชิต ในตอนแรก
ท่านทั้งสองก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วย แต่เมื่อได้รับคำชี้แจงว่า
ไม่ต้องการที่จะเวียนวนอยู่ในกองทุกข์อีกต่อไป ชีวิตนักบวชเป็น
ชีวิตที่ประเสริฐ สามารถบำเพ็ญเพียรเพื่อความหลุดพ้นได้
เมื่อฟังเหตุผลอย่างนี้ ท่านทั้งสองก็อนุญาต เธอจึงได้ไปขอ
บรรพชาเป็นสิกขมานาในสำนักพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี
เมื่อบรรพชาเป็นสิกขมานาแล้ว ก็ได้ตั้งใจปฏิบัติธรรม
ไม่ขาดเลยแม้แต่วันเดียว จนกระทั่งจิตเริ่มละเอียดไปตามลำดับ
และได้เข้าไปในข่ายพระญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระบรม
ศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎี ทรงเปล่งพระรัศมีประหนึ่งว่า
ปรากฏอยู่ต่อหน้าของเธอแล้วทรงตรัสว่า “ดูก่อนปุณณา เธอ
จงเต็มไปด้วยธรรมทั้งหลาย เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ
เธอจงทำลายกองแห่งความมืด ด้วยปัญญาอันบริบูรณ์เถิด”