ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระเถระรับคำแล้วได้ไปพิจารณาซากศพโดยให้เลิกผ้าห่มออกแล้วพิจารณาตั้งแต่ฝ่าเท้า
ถึงปลายผมแล้ว พูดว่า “รูปนี้ประณีตยิ่งนัก มีสีดุจทองคำ นางจึงใส่รูปนั้นในไฟ ในกาลที่รูปนั้น
ถูกเปลวไฟลวกแล้ว จึงบอกแก่อาตมา” ดังนี้แล้วจึงกลับไปยังที่อยู่ของตน นางทำอย่างนั้นแล้ว
จึงแจ้งแก่พระเถระ พระเถระไปพิจารณา ในที่ถูกเปลวไฟเผาไหม้แล้ว สีแห่งร่างกายได้เป็นดัง
แม่โคด่าง เท้าทั้งสองงอหงิกห้อยลง มือทั้งสองกำเข้า หนังที่หน้าผากได้ลอกออก พระเถระ
พิจารณาว่า “สรีระนี้เป็นธรรมชาติทำให้ไม่วายกระสันแก่บุคคลผู้แลดูอยู่ในบัดเดี๋ยวนี้เอง แต่
บัดนี้ (กลับ) ถึงความสิ้น ถึงความเสื่อมไป” แล้วกลับไปที่พักกลางคืน นั่งพิจารณาถึงความสิ้น
และความเสื่อมอยู่ กล่าวคาถาว่า
“สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วย่อม
ดับไป ความสงบแห่งสังขารนั้นเป็นสุข” เจริญวิปัสสนาได้บรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา
ทั้งหลาย
2. พระยสกุลบุตรเจริญอสุภสัญญาไว้ในชาติอดีตทำให้บรรลุธรรมใน
ชาติปัจจุบัน
ยสกุลบุตรเกิดในตระกูลเศรษฐี มีสมบัติมากมายได้รับการบำรุงบำเรอด้วยกามคุณอย่าง
พร้อมพรั่ง ในคืนวันหนึ่งได้ตื่นขึ้นกลางดึก ได้เห็นนางฟ้อนและคนรับใช้ของตนกำลังนอนหลับ
ไร้สติ ผ้าผ่อนหลุดลุ่ย ผมยุ่งเหยิง บางคนก็นอนน้ำลายไหล บางคนก็นอนละเมอบ่นเพ้อ เพียง
ได้เห็นเท่านี้ ก็เกิดความรู้สึกเหมือนตนอยู่ในป่าช้าที่เต็มไปด้วยซากศพ จึงทำให้เกิดความ
เบื่อหน่าย และเปล่งอุทานว่า ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ ได้เดินออกจากบ้าน และได้ไป
พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงแสดงธรรมแก่ยสกุลบุตรจนกระทั่งบรรลุธรรมเป็น
พระโสดาบัน ต่อมาจึงได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ และออกบวชเป็นพระภิกษุ พ่อแม่ ภรรยา
และเพื่อนๆ อีก 55 คนได้อาศัยพระยสะก็ได้บรรลุธรรมตามไปด้วยเหตุที่ยสกุลบุตรได้อสุภสัญญา
เกิดขึ้นในนางฟ้อนและคนรับใช้ ก็เพราะเหตุที่ตนสั่งสมอุปนิสัยการเจริญอสุภะมาในอดีตชาติ
กล่าวคือ
ในอดีตชาติ ยสกุลบุตร และเพื่อนๆ 55 คน มักชอบทำบุญร่วมกัน ทั้งหมดเห็นว่า
การช่วยจัดการศพของคนอนาถาเป็นบุญ จึงช่วยกันจัดการศพคนอนาถา วันหนึ่งพวกเขาพบ
หญิงมีครรภ์เสียชีวิต จึงคิดว่า จักเผาศพ และได้นำศพนั้นไปยังป่าช้า พวกเขารออยู่ที่ป่าช้า 5 คน
1
ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 40 หน้า 97-99
16 DOU ส ม า ชิ 7 : ส ม ถ ก ม ม ฏ ฐ า น 40 วิธี