ข้อความต้นฉบับในหน้า
เพราะฉะนั้น เมื่อได้เจริญอุเบกขาให้เกิดขึ้นในบุคคลที่เป็นกลาง ๆ จนกระทั่งจิตมี
ลักษณะนุ่มนวลควรแก่งานจนได้ที่ดีแล้ว จากนั้นจึงเจริญอุเบกขาไปยังบุคคลที่รัก ต่อจากนั้นเป็น
คนที่เป็นเพื่อนรักมากหรือสหายนักเลง สุดท้ายจึงเจริญอุเบกขาไปในคนที่เป็นคู่เวร
2.9.2 เจริญอุเบกขาถึงขั้นสีมสัมเภท
ครั้นแล้ว ผู้ปฏิบัติพึงทำอุเบกขาจิตให้เป็นสีมส้มเภท โดยการวางใจให้เสมอกันใน
บุคคลเหล่านี้ คือ คนเป็นกลางๆ คนที่รัก เพื่อนที่รักมาก คนเป็นคู่เวร และตัวเอง แล้วเจริญ
นิมิตนั้นให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เมื่อได้พยายามทำไปอย่างนั้นอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้าก็จะบรรลุถึง
จตุตถฌานหรือปัญจมฌาน ตามนัยที่กล่าวไว้แล้วในปฐวีกสิณ
2.9.3 วิธีแผ่อุเบกขา 3 อย่าง
ผู้ที่บรรลุถึงขั้นอัปปนาสมาธิหรืออุเบกขาสัมสัมเภทดีแล้ว จึงใช้วิธีแผ่อุเบกขาตามแบบ
บริกรรมท่องจำโดยรวม การแผ่อุเบกขาทั่วไปแบบนี้ เป็นการแผ่ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย 12
จำพวก ได้แก่ แผ่ทั่วไปโดยไม่เจาะจงบุคคลที่เรียกว่า อโนทิโสผรณา 5 จำพวก การแผ่โดยเจาะจง
บุคคลที่เรียกว่า โอทิโสผรณา 7 จำพวก และการแผ่อุเบกขาไปในทิศทั้ง 10 ที่เรียกว่าทิโสผรณา
ซึ่งมีวิธีในการแผ่อุเบกขาดังนี้ คือ
1. อโนทิโสผรณา เป็นการแผ่ทั่วไปโดยไม่เจาะจงบุคคล 5 จำพวก
ก. สัพเพ สัตตา กมฺมสฺสกา โหนฺติ
สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน
ข. สพฺเพ ปาณา กมฺมสฺสกา โหนฺติ
สัตว์ที่มีชีวิตทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน
ค. สพฺเพ ภูตา กมฺมสฺสกา โหนฺติ
สัตว์ที่ปรากฏชัดทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน
ง. สพฺเพ ปุคฺคลา กมฺมสฺสกา โหนฺติ
บุคคลทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน
จ. สพฺเพ อตฺตภาวปริยาปนนา กมฺมสฺสกา โหนติ
ตว์ที่มีอัตภาพทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน
78 DOU
ส ม า ชิ 7 : ส ม ถ ก ม ม ฏ ฐ า น 40 วิธี