การวิเคราะห์ธาตุในร่างกาย MD 407 สมาธิ 7  หน้า 131
หน้าที่ 131 / 149

สรุปเนื้อหา

ในร่างกายมนุษย์แบ่งออกเป็นธาตุ 4 ประเภท ได้แก่ ปฐวีธาตุซึ่งเป็นส่วนที่แข็งหรือกระด้าง, อาโปธาตุซึ่งเป็นน้ำ, เตโชธาตุซึ่งเกี่ยวข้องกับความร้อน, และ วาโยธาตุซึ่งเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว. การพิจารณาธาตุมีการแบ่งออกเป็นสองวิธีการคือ สัมภารสังเขป และ สัมภารวิภัติ ซึ่งเน้นการพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ ตามลำดับเพื่อเข้าใจถึงการมีอยู่และการทำงานร่วมกันของธาตุเหล่านี้ในร่างกาย. นักปฏิบัติต้องพินิจพิจารณาธาตุทั้งหลายและพัฒนาสมาธิเพื่อการปฏิบัติที่ถูกต้อง. โดยเฉพาะการพิจารณาโกฏฐาสในบริบทของการฝึกสมาธิเพื่อให้เกิดอุเบกขาในธรรมชาติแห่งธาตุ. เมื่อมีอาการขึ้น การพิจารณาต้องเป็นไปอย่างละเอียดและลึกซึ้งเพื่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของร่างกายและจิตใจอย่างชัดเจน.

หัวข้อประเด็น

- ปฐวีธาตุ
- อาโปธาตุ
- เตโชธาตุ
- วาโยธาตุ
- การพิจารณาธาตุ
- สัมภารสังเขป
- สัมภารวิภัติ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ในร่างกายนี้ ส่วนที่แข็งหรือกระด้าง ส่วนนั้นเป็นปฐวีธาตุ ส่วนที่เกาะกุมเหนียว เอิบอาบซึมซาบไหล ส่วนนั้นเป็นอาโปธาตุ สิ่งที่ทำให้สุกโดยอาการเจริญเติบโตเป็นหนุ่มสาว หนังเหี่ยวย่นแก่หง่อมลงก็ดี ความเย็นร้อนในกายทั่วไปก็ดี เหล่านี้เป็นเตโชธาตุ สิ่งใดทำให้ อิริยาบถใหญ่น้อยเคร่งตึงตั้งมั่นก็ดี ทำให้เคลื่อนไหวไปมาได้ก็ดี เหล่านี้เป็น วาโยธาตุ 5.3.2 วิธีพิจารณาโดยพิสดาร มีวิธีการพิจารณาตามลำดับดังต่อไปนี้ 1) พิจารณาโดยสสัมภารสังเขป คือ พิจารณาโกฏฐาสทั้งหลายเข้าเป็นหมู่ๆตามอาการของธาตุนั้นๆ โดยให้กำหนดเอา อาการแขนแข็งในโกฏฐาส 20 ว่า ปฐวีธาตุ กำหนดเอาอาการซึมซาบอันเป็นความเหลวกล่าว คือเป็นน้ำในโกฏฐาส 12 ว่า อาโปธาตุ กำหนดเอาความร้อนอันเป็นเครื่องเผาไหม้ในโกฏฐาส 4 ว่า เตโชธาตุ กำหนดเอาอาการพัดไปมาในโกฏฐาส 6 ว่า วาโยธาตุ เมื่อกำหนดอยู่อย่างนั้น ธาตุทั้งหลายจะปรากฏได้ ผู้ปฏิบัติต้องพินิจพิจารณาธาตุ ทั้งหลายนั้นแล้ว ๆ เล่า ๆ อุปจารสมาธิจะเกิดขึ้นตามนัยที่กล่าวแล้วนั้นแล แต่เมื่อใดเจริญไป อย่างนั้น กัมมัฏฐานยังไม่สำเร็จ พึงเจริญโดยสสัมภารวิภัติต่อไป 2) พิจารณาโดยสสัมภารวิภัติ คือ พิจารณาจำแนกโกฏฐาสแห่งธาตุนั้นออก กำหนดอาการไปทีละอย่าง โดยชั้นแรก จึงทำอุคคหโกศล 7 ประการ และมนสิการโกศล 10 ประการ ที่กล่าวแล้วในกายคตาสติ กัมมัฏฐานนั้นทุกอย่าง ตั้งต้นแต่สาธยายด้วยวาจา ซึ่งอาการทั้งหลาย มีอาการหมวด ตจปัญจกะ เป็นต้น ในอาการ 32 ทั้งโดยอนุโลมและปฏิโลม ส่วนความแตกต่างกัน คือ แม้พิจารณาอาการทั้งหลายมีผม เป็นต้น โดยสี สัญฐาน ทิศ โอกาส และปริเฉท แต่ใน กายคตาสติ ต้องตั้งจิตไว้ทางปฏิกูล ในธาตุววัฏฐานนี้ต้องตั้งจิตไว้ทางธาตุเพราะฉะนั้นนักปฏิบัติ ครั้นพิจารณาอาการทั้งหลายมีผมเป็นต้น อย่างละ 5 ส่วน โดยสีเป็นต้นแล้ว ในที่สุดควรพิจารณา แต่ละโกฏฐาสดังนี้ 1. ปฐวีโกฏฐาส 1.1 เกสา : ผมทงหลาย ผมทั้งหลายนี้ เกิดที่หนังหุ้มกะโหลกศีรษะ ในหนังหุ้มกระโหลกศีรษะกับผม 122 DOU ส ม า ชิ 7 : ส ม ถ ก ม ม ฏ ฐ า น 4 0 วิธี
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More