ข้อความต้นฉบับในหน้า
7. ในเมื่อศัตรูได้เดินไปสู่ทางผิด คือ ความโกรธ ซึ่งไม่นำประโยชน์อะไรมาให้แก่
เราเลย แม้เมื่อเรายังโกรธอยู่ ก็ชื่อว่าคล้อยตามทางของเขาละซิ
8. ศัตรูได้ทำสิ่งที่ไม่น่าพอใจให้แก่เรา ด้วยอาศัยความโกรธอันใดของเรา เราจง
ถอนความโกรธนั้นเสียเถิด เราจะมัวเดือดร้อนในสิ่งที่ไม่สมควรทำไมกัน
9. ขันธ์ 5 เหล่าใดได้ทำสิ่งที่ไม่น่าพอใจให้แก่เรา ขันธ์ 5 เหล่านั้นได้ดับไปแล้ว
เพราะสภาวธรรมทั้งหลายมีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ขันธ์ 5 เก่าดับไป ขันธ์ 5 ใหม่เกิดขึ้นมา
แทน บัดนี้ เราจะมัวหลงโกรธใครในที่นี้เล่า การโกรธต่อขันธ์ 5 ที่เกิดขึ้นมาใหม่ซึ่งไม่มี
ความผิดนั้น เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง
4) บรรเทาความโกรธด้วยการพิจารณาถึงกรรม
ความโกรธแค้นก็ยังไม่สงบลง
เมื่อผู้เจริญเมตตาพยายามพร่ำสอนตนเองด้วยประการต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว แต่
ต่อแต่นี้ให้ใช้วิธีพิจารณาถึงภาวะที่ตนและคนอื่นเป็นผู้มีกรรม
เป็นของของตนต่อไป ในการพิจารณาถึงกรรมนั้น ให้พิจารณาถึงภาวะที่ตนเป็นผู้มีกรรมเป็น
ของตนเป็นอันดับแรกดังต่อไปนี้
นี่แน่ะ พ่อมหาจำเริญ เจ้าโกรธคนอื่นแล้วจะได้ประโยชน์อะไร กรรมอันมีความโกรธ
เป็นเหตุของเรานี้มันจะบันดาลให้เป็นไปเพื่อความฉิบหายแก่เราเองไม่ใช่หรือ ด้วยว่า เราเป็นผู้
มีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็น
ที่พึ่งอาศัย เราได้ทำกรรมใดไว้จะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
อนึ่ง กรรมของเรานี้ มันไม่สามารถบันดาลให้สำเร็จสัมมาสัมโพธิญาณ ปัจเจกโพธิ
ญาณ และสาวกภูมิ มันไม่สามารถบันดาลให้สำเร็จสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในบรรดาสมบัติ
ทั้งหลาย เช่น ความเป็นพระพรหม พระอินทร์ พระเจ้าจักรพรรดิ และพระเจ้าประเทศราชได้เลย
ตรงกันข้าม กรรมของเรานี้ มันจะขับไล่ไสส่งให้เราออกจากพระศาสนาแล้วบันดาลให้ประสบ
ความตกต่ำกันดารในชีวิต เช่น ทำให้บังเกิดเป็นขอทาน คนกินเดน หรือประสบทุกข์อย่าง
ใหญ่หลวง เช่นทำให้ไปบังเกิดในมหานรกเป็นต้นอย่างแน่นอน
ตัวเรานี้ หากขึ้นตัวโกรธอยู่อย่างนี้ ย่อมชื่อว่าเผาตัวเองทั้งเป็น และทำตัวเองให้
มีชื่อเสียงอันเน่าเหม็นเป็นคนแรกโดยแท้
เมื่อพิจารณาถึงความที่เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของของตนอย่างนี้แล้ว จงพิจารณาถึง
มที่คนอื่นมีกรรมเป็นของของตน ในลำดับต่อไป ดังนี้
ความที
40 DOU สมาธิ 7 : ส ม า ก ม ม ฏ ฐ า น 4 0 วิธี