ข้อความต้นฉบับในหน้า
ช่วยนำเอาความสุขใจมาให้หรือจะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ใจออกให้แก่คนผู้นี้ด้วยความ
พยายามของเรานั้น ไม่ใช่วิสัยที่จะเป็นไปได้ และการที่จะต้องคอยวุ่นวายอยู่กับสัตว์ทั้งหลาย
ด้วยการแผ่เมตตาจิตบ้างกรุณาจิตบ้างมุทิตาจิตบ้างไปถึงเขาผู้นี้ไม่ใช่เป็นการกระทำที่ถูกต้องตรง
ตามความมุ่งหมายที่แท้จริง แต่ว่าการวางใจเป็นกลาง ๆ ในสัตว์ทั้งหลายต่างหาก เป็นหนทางที่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยเจ้าทั้งหลายดำเนินมาแล้ว และเป็นปฏิปทาที่ตรงเป้าหมาย
ในการปฏิบัติ ผู้ปฏิบัติจึงส่งใจไปในบุคคลนั้น ด้วยบทภาวนาว่า
อยู๋ สตฺโต กมฺมสฺสโก โหติ
สัตว์ผู้นี้เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปใช้ว่า
หรือว่า
เอเต สตฺตา กมฺมสฺสกา โหนฺติ
สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
สพฺเพ สตฺตา กมฺมสฺสกา โหนฺติ
สัตว์ทั้งปวงเป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
ภาวนาในใจไปอย่างนี้บ่อยๆ หลายครั้ง จนกว่าความเป็นกลาง ๆ ในบุคคลนั้นจะปรากฏ
ขึ้นในใจอย่างชัดเจน เมื่อพยายามปฏิบัติอยู่อย่างนี้ ความวางใจเป็นกลาง ๆ อย่างเป็นปกติใน
บุคคลนั้นก็จะตั้งขึ้นอย่างแน่วแน่ กิเลสทั้งหลายก็สงบลงไปชั่วขณะ ต่อจากนั้นให้เจริญอุเบกขา
ไปยังคนอื่นๆ ต่อไป มีคนที่รัก เป็นต้น
3. บุคคลที่ควรเจริญอุเบกขาเป็นอันดับต่อไป
เมื่อได้เจริญอุเบกขาให้เกิดขึ้นในคนเป็นกลาง ๆ จนสมาธิแน่วแน่ดีแล้ว ให้เจริญไปยัง
บุคคลอื่นๆ มีคนเป็นที่รัก ฯลฯ ต่อไป ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้เป็นแบบอย่าง
มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์วิภังค์ว่า
ผู้มีอุเบกขาจิตแผ่ไปในบุคคลทั้งปวง เหมือนอย่างได้เห็นบุคคล
ที่พอใจก็ไม่ใช่ ไม่พอใจก็ไม่ใช่ แล้ววางเฉยอยู่อย่างนั้น
1
อภิธรรม วิภังค์, มก. เล่ม78 ข้อ 748 หน้า 446.
พ ร ห ม วิ ห า ร 4
DOU 77