ข้อความต้นฉบับในหน้า
1. สุข สุปปติ หลับเป็นสุขหรือสบายในเวลาหลับ คือ ไม่นอนกลิ้งไปกลิ้งมา
ไม่นอนกรน หลับอย่างสนิทเหมือนเข้าสมาบัติ กายเบา ใจเบา มีความเบิกบานสดชื่นมีลักษณะ
ท่าทางเรียบร้อยงดงามน่าเลื่อมใส
2. สุข ปฏิพุชฺฌติ ตื่นเป็นสุขหรือสบายในเวลาตื่น คือ ตื่นขึ้นแล้วไม่ทอดถอน
หายใจ ไม่ซึมเซาไม่งัวเงีย ไม่สยิวหน้า ไม่บิดไปบิดมา มีหน้าตาแช่มชื่นเบิกบานเหมือนดอกบัว
ที่กำลังแย้มบาน มีความเบิกบานคล้าย ๆ กับว่าเพิ่งออกจากในแหล่งที่มีความสดชื่นมีความสุข
3. น ปาปก สุชิน ปสฺสติ ไม่ฝันร้าย คือ ไม่ฝันเห็นสิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัว เช่น
พวกโจรรุมล้อม สุนัขไล่กัน หรือตกเหว แต่จะฝันเห็นแต่สิ่งที่ดีงามมีสิริมงคล เช่น ฝันว่าไปไหว้
พระเจดีย์ ทำการบูชา และฟังพระธรรมเทศนา
4. มนุสสาน ปิโย โหติ เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย คือ เป็นที่รักที่เจริญใจ
ของมนุษย์ทั้งหลาย เหมือนพวงไข่มุกที่ห้อยอยู่ที่หน้าอก หรือพวงดอกไม้ที่ประดับอยู่บนศีรษะ
5. อมนุสสาน ปิโย โหติ เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย คือ ไม่ใช่เป็นที่รักของ
มนุษย์เพียงอย่างเดียว ยังเป็นที่รักของเหล่ากายละเอียดทั้งหลาย
6. เทวตา รกฺขนฺติ เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา คือ เทวดาทั้งหลายย่อมคอยตาม
รักษาเหมือนมารดาบิดาที่คอยตามรักษาบุตรธิดา
7. นาสุส อคฺคิวา วิสวา สตถวา กมต ไฟ ยาพิษ ศาสตรา ก็ดี ย่อมไม่กล้ำกราย
ต่อผู้นั้น คือ ไม่ถูกไฟไหม้ ไม่ถูกวางยาพิษ ศัตราอาวุธต่าง ๆ ภัยต่าง ๆ ทำอันตรายไม่ได้
8. ตัว จิตต์ สมาธิยติ จิตของผู้นั้นย่อมเป็นสมาธิตั้งมั่นได้เร็ว คือเมื่อเจริญ
กัมมัฏฐาน ใจหยุดใจนิ่งได้เร็ว ปล่อยอารมณ์ภายนอกได้เร็วเพราะว่าไม่มีความโกรธกับใคร
ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร มีแต่ความปรารถนาดีกับทุกๆ คนในโลก จิตจึงสำเร็จเป็นอุปจารสมาธิ
หรืออัปปนาสมาธิได้เร็ว
9. มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ สีหน้าผู้นั้นย่อมผ่องใส คือ หน้าตามีผิวพรรณวรรณะ
เปล่งปลั่งสดใส เหมือนลูกตาลสุกที่หล่นจากขั้วใหม่ ๆ
10. อสมมฬโห กาล กโรติ ในเวลาใกล้ตายย่อมเป็นผู้มีสติ ไม่หลงทำกาละ
คือ ตอนใกล้จะละโลก จิตจะผ่องใสมีความสุข แม้จะละโลก ก็ไม่หวาดหวั่นในมรณะภัย มีจิตใจ
เบิกบานแจ่มใส ไม่หลงตาย คล้ายนอนหลับไปเฉยๆ
1
อรรถกถาอรกชาดก ขุททกนิกาย ชาดก, มก. เล่ม 57 หน้า 117.
48 DOU สมาธิ 7 : ส ม า ก ม ม ฏ ฐ า น 4 0 วิธี