เจริญเมตตาในบุคคลที่รักเคารพ MD 407 สมาธิ 7  หน้า 43
หน้าที่ 43 / 149

สรุปเนื้อหา

การเจริญเมตตาเริ่มต้นด้วยการแผ่เมตตาให้ตนเอง สู่บุคคลที่รักและเคารพ เพื่อเพิ่มพูนเมตตาภาวนา โดยระลึกถึงคุณงามความดีที่ทำให้เกิดความพอใจ เช่น การให้ทั้งวิทยาทานและธรรมทาน เมื่อเจริญเมตตาถึงผู้ที่รักแล้ว ควรเจริญเมตตาไปยังบุคคลอื่นๆ ทั้งผู้รักและศัตรูต่อไป ความสำเร็จนี้ต้องไม่ทำให้พอใจเพียงแค่แผ่เมตตาในกลุ่มเดียว ต้องขยายไปยังทุกคนด้วยความปรารถนาดี

หัวข้อประเด็น

-การเจริญเมตตา
-บุคคลที่รักเคารพ
-การทำบุญและคุณธรรม
-การพัฒนาเมตตาภาวนา
-การขยายความเมตตา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

4. เจริญเมตตาในบุคคลที่รักเคารพ เมื่อแผ่เมตตาให้ตนเป็นสักขีพยานแล้วบุคคลต่อไปในอันดับที่สอง คือ ผู้ที่เรารักเคารพ เช่น ครูบาอาจารย์ หรือผู้ที่มีคุณธรรมเทียบเท่าครูบาอาจารย์ที่ตนเอง รัก ชอบพอ เคารพ สรรเสริญ ก่อนที่จะเจริญเมตตาในผู้ที่เรารักเคารพนั้น เพื่อที่จะพยุงเมตตาภาวนาให้เกิดขึ้น โดยง่าย ให้ระลึกถึงคุณงามความดีอันเป็นเหตุชวนให้เกิดความพอใจที่ได้รับจากบุคคลนั้น เช่น การที่ให้ทานทั้งวิทยาทาน อามิสทาน ธรรมทาน ตลอดจนปิยวาจาที่ได้รับมาต่างๆ หรือระลึก ถึงคุณธรรมที่ชวนให้เกิดความเคารพและความสรรเสริญ เช่น ความมีกิริยามารยาทอันดีงาม การมีความรู้อย่างกว้างขวางเป็นเบื้องต้นเสียก่อน แล้วจึงเจริญเมตตาไปในท่านผู้เป็นที่รัก เคารพนั้น ด้วยบทภาวนาว่า เอส สปุปุริโส อเวโร โหตุ ขอท่านผู้เป็นสัตบุรุษนั้น จงอย่ามีเวรกับใคร ๆ เลย อพฺยาปชฺโฌ โหตุ อนีโฆ โหตุ สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตุ จงอย่าได้เบียดเบียนใครๆ เลย จงอย่าได้มีความทุกข์เลย ขอจงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ทั้ง ปวงเถิด ทั้งนี้โดยการเพียรภาวนามากเข้าๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร้อยครั้งพันครั้งหรือจนกว่าอัปปนา สมาธิหรือเมตตาฌานจะเกิดขึ้น 5. การเจริญเมตตาตามลำดับต่อไป แม้ว่าอัปปนาสมาธิจะเกิดขึ้น เพราะได้เจริญเมตตาไปในบุคคลที่เคารพรักแล้วก็ตาม แต่อย่าเพิ่งพอใจด้วยความสำเร็จเพียงเท่านั้น ให้มีความปรารถนาที่จะทำเมตตา ให้เป็นสีมสัม เภทต่อไปอีก (การทำลายขอบเขตของเมตตาไม่ให้จำกัดอยู่เฉพาะในบุคคลประเภทใด ประเภทหนึ่ง) กล่าวคือ ถัดจากบุคคลที่รักที่เคารพนั้นแล้ว พึงเจริญเมตตาไปในบุคคลที่ รักใคร่มากเป็นลำดับที่สาม เช่น บิดามารดา บุตรธิดา สามีภรรยา ตามลำดับ ถัดจากนั้นพึงเจริญ ไปในคนที่เป็นกลาง ๆ เป็นลำดับที่สี่ ถัดจากนั้นจึงเจริญไปในคนที่เป็นศัตรูเป็นลำดับที่ห้า ในทางปฏิบัติเมื่อได้เจริญเมตตาไปในคนที่รักใคร่มากจนบรรลุถึงขั้นอัปปนาสมาธิ แล้วทำฌานจิตนั้นให้อ่อนนุ่มนวลควรแก่งาน สามารถเข้าฌานออกฌานได้อย่างคล่องแคล่ว เชี่ยวชาญดีแล้ว จากนั้นจึงข่มจิตที่มีสภาวะรักมากในคนที่รักมากนั้นให้ลดลงมาอยู่ในระดับ ที่รักอย่างธรรมดา แล้วเพียรภาวนาต่อไปด้วยบทภาวนาว่า 34 DOU สมาธิ 7 : ส ม า ก ม ม ฏ ฐ า น 4 0 วิธี
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More