มุทิตา: การเจริญมุทิตาแท้และเทียม MD 407 สมาธิ 7  หน้า 77
หน้าที่ 77 / 149

สรุปเนื้อหา

มุทิตาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ มุทิตาแท้ ซึ่งปราศจากความยึดถือและแสดงความเบิกบานใจอย่างบริสุทธิ์ และมุทิตาเทียม ที่มีการยึดถือเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ส่วนบุคคล การเจริญมุทิตาภาวนาเน้นการใช้มุทิตาแท้เพื่อแผ่ไปยังสัตว์ทั้งหลายที่มีความสุข โดยมีขั้นตอนที่ต้องเตรียมความพร้อมก่อนปฏิบัติ รวมถึงการเลือกบุคคลที่เหมาะสมในการเจริญมุทิตา

หัวข้อประเด็น

-มุทิตาแท้
-มุทิตาเทียม
-การเจริญมุทิตา
-วิธีการเจริญมุทิตา
-พระพุทธศาสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

มุทิตา เมื่อว่าโดยสามัญแล้วมี 2 อย่าง คือ 1. มุทิตาแท้ คือ แม้จะมีความรื่นเริงบันเทิงใจต่อสัตว์ที่มีสุขอยู่ หรือจะได้รับสุขต่อไป ข้างหน้าก็ดี จิตใจก็มิได้มีการยึดถือหรืออยากโอ้อวดต่อผู้อื่นแต่อย่างใดมีแต่ความเบิกบานแจ่มใส เป็นมหากุศลจิต อยากได้ดีมีหน้ามี 2. มุทิตาเทียม คือ แม้จะมีความยินดีปรีดาก็จริง แต่ก็มีการยึดถือ อยากได้ดี ตาซ่อนอยู่ จิตไม่เป็นมหากุศล แต่เป็นด้วยอำนาจโลภะ มุทิตาเทียมส่วนมากเกิดขึ้นในกรณี บิดามารดา ญาติพี่น้อง บุตรธิดา มิตรสหายได้ดีมีสุข ย่อมยึดว่าผู้นั้นมีความสัมพันธ์อย่างนั้น อย่างนี้กับตน ได้หน้าตาและได้ประโยชน์ร่วมด้วย 2.7.1 ขั้นตอนการเจริญมุทิตา การเจริญมุทิตาภาวนา ต้องใช้มุทิตาแท้ และแผ่ไปยังสัตว์ทั้งหลายที่กำลังมีความสุขอยู่ หรือที่จะมีในเวลาข้างหน้า ผู้ปฏิบัติเมื่อมีความประสงค์จะเจริญมุทิตาพรหมวิหารนั้น ในเบื้องต้นให้เตรียมทำ บุพกิจให้เสร็จเสียก่อน นับตั้งแต่ตัดปลิโพธิ์ทั้ง 10 ประการ จนไปถึงนั่ง ณ อาสนะที่เตรียมไว้ อย่างเรียบร้อย เหมือนอย่างที่แสดงไว้ในเมตตาภาวนาทุกประการ จากนั้นจึงเจริญมุทิตา ภาวนาต่อไป 1. บุคคลที่ควรเว้นในการเจริญมุทิตาเป็นอันดับแรก เมื่อจะเจริญมุทิตานั้น มีบุคคล 3 จำพวกที่ห้ามเจริญไปถึงเป็นอันดับแรก คือ คนที่รัก คนเป็นกลาง ๆ คนคู่เวร เพราะว่า คนที่รักไม่ได้เป็นฐานของมุทิตาจิต เพียงแต่เป็นที่รักเท่านั้น นั่นก็คือ คนที่เป็นที่รักกันอย่างธรรมดาแต่ขาดคุณสมบัติพิเศษประจำตัวเช่นความเป็นผู้มีหน้าตา แช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ เป็นผู้ฉลาดทักทายก่อน ความเป็นคนพูดจาไพเราะ มีมารยาท เรียบร้อยอ่อนโยนและความสนุกสนานร่าเริง ผู้ที่ขาดคุณสมบัติดังกล่าวแม้ว่านับเนื่องอยู่ในกลุ่ม ของคนที่รักนับถือก็ตาม ก็ไม่พอที่จะทำให้มุทิตาพรหมวิหารเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติเป็นอันดับแรก ได้ยิ่งคนที่เป็นกลาง ๆ และคนคู่เวรด้วยแล้ว ยิ่งห่างไกลความเป็นที่ตั้งให้เกิดมุทิตาภาวนาขึ้นเป็น อันดับแรกมากขึ้นไปอีก ส่วนเพศตรงข้าม กับคนที่ตายแล้ว จะเอามาเป็นอารมณ์ของมุทิตากัมมัฏฐานไม่ได้เลย สาเหตุก็เช่นเดียวกับที่กล่าวไว้แล้วในเมตตาภาวนา 68 DOU สมาธิ 7 : ส ม า ก ม ม ฏ ฐ า น 4 0 วิธี
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More