ข้อความต้นฉบับในหน้า
อาหาเรปฏิกูลสัญญาคือ การพิจารณาความเป็นปฏิกูลในอาหาร กำหนดหมายว่า
อาหารที่บริโภคเป็นสิ่งปฏิกูล ซึ่งอาหารที่พิจารณาก็คือ กวฬิงการาหาร คือ อาหารที่ใช้บริโภค
ใช้ดื่ม เคี้ยว ลิ้ม
เนื่องจากอาหารทั้ง 4 ล้วนเป็นเหตุให้ได้รับทุกข์ ภัย อุปัทวันตรายต่างๆ เป็นอเนก
ประการ ภัยเกิดจากความยินดีในการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะกวฬิงการาหารมีภัยมาก หาก
พิจารณาด้วยสติปัญญาอันละเอียดสุขุม จะเห็นโทษภัยที่น่ากลัวยิ่ง ถ้าขาดการพิจารณาจะมอง
ไม่เห็นโทษเลย
ในคัมภีร์อรรถกถา ได้กล่าวถึงโทษที่เกิดจากกวฬิงการาหารไว้ว่า
สัตว์ทั้งหลายติดใจในกวฬิงการาหารแล้ว มุ่งความเย็น เป็นต้น เบื้องหน้าเมื่อจะทำ
การงานมีเป็นต้นเพื่อต้องการอาหารย่อมประสบทุกข์เป็นอันมาก ก็บางพวกแม้จะบวชในศาสนา
นี้แล้ว ก็แสวงหาอาหารด้วยอเนสนกรรม มีเวชกรรม เป็นต้น ย่อมถูกเขาติเตียนในปัจจุบัน
แม้ในภพหน้าก็ย่อมเป็นสมณเปรต ตามนัยที่กล่าวไว้ในลักขณสังยุตมีอาทิว่า แม้สังฆาฏิของเธอก็
ถูกไฟไหม้ลุกโชนแล้วเพราะเหตุนี้อันดับแรก ความติดใจในกพฬิการาหาร พึงทราบว่าเป็นภัย
เพราะอาหารมีโทษดังนี้ การเจริญอาหาเรปฏิกูลสัญญาจึงเป็นหนทางแห่งการ
หลุดพ้นจากความยึดติด และเป็นหนทางแห่งการพัฒนาจิตเพื่อมุ่งสู่อริยภูมิต่อไป
4.3 วิธีการเจริญอาหาเรปฏิกูลสัญญา
การพิจารณาความเป็นปฏิกูลในอาหารที่เรารับประทานทุกมื้อนั้น มีวิธีการในการ
พิจารณาโดยให้พิจารณาความเป็นปฏิกูลโดยอาการ 10 อย่าง คือ
1. คมนโต พิจารณาความเป็นปฏิกูลในการไปสู่สถานที่ที่มีอาหารว่า โดยปกติอาหาร
ไม่ได้เกิดขึ้นในที่อยู่อาศัยของเราเองได้ถ้าเป็นฆราวาสต้องประกอบอาชีพอาบเหงื่อต่างน้ำเพื่อจะ
ได้ทรัพย์สินเงินทองมาจับจ่ายใช้สอยซื้ออาหารเลี้ยงชีวิต แม้ว่าในที่อยู่อาศัยอาจมีความสะดวก
สบายสะอาดสวยงาม แต่เมื่อต้องเดินทางไป ย่อมได้รับความยุ่งยากนับตั้งแต่การแต่งกาย
การเดินทางด้วยเท้า ขึ้นรถ ลงเรือ ได้พบเห็นสิ่งที่ไม่ถูกใจต่างๆ ทั้งสถานที่และผู้คน ได้สัมผัส
1
อเนสนกรรม คือ การแสวงหาเลี้ยงชีพของพระภิกษุที่ไม่สมควร ไม่ชอบ ตามพระธรรมวินัย เช่น ดูหมอ
ทํายาขาย เป็นต้น
2
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค, มก. เล่ม 26 หน้า 59.
108 DOU ส ม า ชิ 7 : ส ม ถ ก ม ม ฏ ฐ า น 4 0 วิธี