การพัฒนาจิตด้วยอรูปฌาน MD 407 สมาธิ 7  หน้า 105
หน้าที่ 105 / 149

สรุปเนื้อหา

ในการฝึกจิตให้อยู่ในอรูปฌาน จะต้องพยายามเลิกพะวงกับอากาสานัญจายตนฌาน โดยใช้การบริกรรม понятие นัตถิคิญจิ เพื่อช่วยให้จิตปราศจากความยินดีในอารมณ์นั้น เมื่ออากาสานัญจายตนฌานหมดไป อารมณ์ใหม่ของอากิญจัญญายตนฌานจะปรากฏขึ้นมาได้ การเข้าสู่รัฐอากิญจัญญายตนฌานเป็นขั้นที่สามของการควบคุมจิตและสมาธิสามารถพัฒนาไปสู่อารมณ์ที่ละเอียดซึ่งเรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ซึ่งต้องมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้าถึงอย่างสมบูรณ์ ผู้ปฏิบัติที่มีความชำนาญเต็มที่ในอากิญจัญญายตนฌานจึงสามารถพัฒนาเข้าสู่ขั้นนี้ได้

หัวข้อประเด็น

-การควบคุมจิต
-อรูปฌาน
-อากิญจัญญายตนฌาน
-การบริกรรม
-การพัฒนาสมาธิ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ชั้นต้น ต้องเลิกพะวงถึงการเอาอากาสานัญจายตนฌานมาเป็นอารมณ์ พยายาม พรากอารมณ์ที่เป็นอากาสานัญจายตนฌานนั้นให้ได้ ด้วยการหน่วงเอา นัตถิภาวบัญญัติ หรือ อภาวบัญญัติ คือ ความไม่มีอะไร มาเป็นอารมณ์โดยบริกรรมว่า นตฺถิ กิญจิ นตฺถิ กิญจิ นิดหนึ่งก็ไม่มี หน่อยหนึ่งก็ไม่มี ถือเอาความไม่มีมาเป็นอารมณ์ มีความหมายว่า ไม่มีอากาสา นัญจายตนฌานมาเป็นอารมณ์ แม้แต่สักนิดเดียวก็ไม่มี อันเป็นการพยายามก้าวล่วงอารมณ์ของ ทุติยารุปปฌานซึ่งเป็นธรรมเนียมเป็นภาวะตามธรรมชาติของอรูปฌานชั้นที่สูงกว่าย่อมก้าวล่วง อารมณ์ของอรูปฌานชั้นที่ต่ำกว่า ตามลำดับไป เมื่อได้พยายามบริกรรม นัตถิ กิญจิ อยู่เรื่อยๆ ไป จนจิตใจปราศจากความติดใจยินดีใน อากาสานัญจายตนฌาน ครั้นเจริญภาวนาต่อไปจนอากาสานัญจายตนฌานที่เป็นนิมิต กัมมัฏฐานสูญหายไปจากใจ ก้าวล่วงอารมณ์ที่เป็นอากาสานัญจายตนฌาน ซึ่งแนบแน่นใน จิตใจเสียได้แล้วในเวลาใดเวลานั้นเองนัตถิกิญจิก็ปรากฏเป็นอารมณ์ขึ้นมาแทนจิตที่มีนัตถิกิญจิ เป็นอารมณ์ ก็คือ อากิญจัญญายตนฌาน เป็นฌานที่มีความไม่มีเป็นอารมณ์ นักปฏิบัติที่ได้ ที่ถึงอากิญจัญญายตนฌาน เรียกว่า อากิญจัญญายตนฌานลาภีบุคคล อากิญจัญญายตนฌาน เรียกว่า ตติยารุปปฌาน ก็ได้ ซึ่งมีความหมายว่า เป็นการ ได้ถึงฌานที่มีอารมณ์อันมิใช่รูป คือ อรูปฌาน เป็นอันดับที่ 3 เป็นขั้นที่ 3 3.3.4 เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน อากิญจัญญายตนฌานลาภีบุคคล ผู้ที่ได้ฝึกฝนตนเองจนชำนิชำนาญในวสีภาวะทั้ง 5 แห่งอากิญจัญญายตนฌานโดยสมบูรณ์เป็นอย่างดีแล้ว จึงจะสามารถเจริญสมถภาวนา ให้ถึง เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ได้ ต้องเริ่มเจริญโดยการพยายามพรากใจออกมาจาก หรือให้ก้าวล่วงจากนัตถิภาวบัญญัติ แต่ให้หน่วงเอาอากิญจัญญายตนฌานมาเป็นอารมณ์ในการบริกรรมแทน โดยบริกรรมว่า เอต์ สนฺต์ เอต์ ปณีต์ ฌานนี้สงบหนอ ฌานนี้ประณีตหนอ หรือ สนฺติ สนฺต์ ปณีต์ ปณีต์ สงบหนอ ๆ ประณีตหนอ ๆ เท่านี้ก็ได้ ที่บริกรรมว่า สงบหนอ ประณีตหนอ เพราะอากิญจัญญายตนฌานจิตที่หน่วงเอา ความไม่มีมาเป็นอารมณ์นั้น เป็นจิตมีสัญญาที่ละเอียดมากประณีตมากและสงบมากด้วย สัญญานั้น สงบและประณีตมากจนแทบจะไม่รู้สึกว่ามี เมื่อบริกรรมดังกล่าวด้วยความพยายามเรื่อยไปไม่ทอดทิ้งจนจิตใจปราศจากความยินดี 96 DOU สมาธิ 7 : ส ม ก กั ม มัฏฐาน 4 0 วิธี
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More