ข้อความต้นฉบับในหน้า
ชั้นต้น ต้องเลิกพะวงถึงการเอาอากาสานัญจายตนฌานมาเป็นอารมณ์ พยายาม
พรากอารมณ์ที่เป็นอากาสานัญจายตนฌานนั้นให้ได้ ด้วยการหน่วงเอา นัตถิภาวบัญญัติ หรือ
อภาวบัญญัติ คือ ความไม่มีอะไร มาเป็นอารมณ์โดยบริกรรมว่า นตฺถิ กิญจิ นตฺถิ กิญจิ
นิดหนึ่งก็ไม่มี หน่อยหนึ่งก็ไม่มี ถือเอาความไม่มีมาเป็นอารมณ์ มีความหมายว่า ไม่มีอากาสา
นัญจายตนฌานมาเป็นอารมณ์ แม้แต่สักนิดเดียวก็ไม่มี อันเป็นการพยายามก้าวล่วงอารมณ์ของ
ทุติยารุปปฌานซึ่งเป็นธรรมเนียมเป็นภาวะตามธรรมชาติของอรูปฌานชั้นที่สูงกว่าย่อมก้าวล่วง
อารมณ์ของอรูปฌานชั้นที่ต่ำกว่า ตามลำดับไป
เมื่อได้พยายามบริกรรม นัตถิ กิญจิ อยู่เรื่อยๆ ไป จนจิตใจปราศจากความติดใจยินดีใน
อากาสานัญจายตนฌาน ครั้นเจริญภาวนาต่อไปจนอากาสานัญจายตนฌานที่เป็นนิมิต
กัมมัฏฐานสูญหายไปจากใจ ก้าวล่วงอารมณ์ที่เป็นอากาสานัญจายตนฌาน ซึ่งแนบแน่นใน
จิตใจเสียได้แล้วในเวลาใดเวลานั้นเองนัตถิกิญจิก็ปรากฏเป็นอารมณ์ขึ้นมาแทนจิตที่มีนัตถิกิญจิ
เป็นอารมณ์ ก็คือ อากิญจัญญายตนฌาน เป็นฌานที่มีความไม่มีเป็นอารมณ์ นักปฏิบัติที่ได้
ที่ถึงอากิญจัญญายตนฌาน เรียกว่า อากิญจัญญายตนฌานลาภีบุคคล
อากิญจัญญายตนฌาน เรียกว่า ตติยารุปปฌาน ก็ได้ ซึ่งมีความหมายว่า เป็นการ
ได้ถึงฌานที่มีอารมณ์อันมิใช่รูป คือ อรูปฌาน เป็นอันดับที่ 3 เป็นขั้นที่ 3
3.3.4 เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
อากิญจัญญายตนฌานลาภีบุคคล ผู้ที่ได้ฝึกฝนตนเองจนชำนิชำนาญในวสีภาวะทั้ง 5
แห่งอากิญจัญญายตนฌานโดยสมบูรณ์เป็นอย่างดีแล้ว จึงจะสามารถเจริญสมถภาวนา ให้ถึง
เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ได้
ต้องเริ่มเจริญโดยการพยายามพรากใจออกมาจาก หรือให้ก้าวล่วงจากนัตถิภาวบัญญัติ
แต่ให้หน่วงเอาอากิญจัญญายตนฌานมาเป็นอารมณ์ในการบริกรรมแทน โดยบริกรรมว่า เอต์
สนฺต์ เอต์ ปณีต์ ฌานนี้สงบหนอ ฌานนี้ประณีตหนอ หรือ สนฺติ สนฺต์ ปณีต์ ปณีต์ สงบหนอ ๆ
ประณีตหนอ ๆ เท่านี้ก็ได้
ที่บริกรรมว่า สงบหนอ ประณีตหนอ เพราะอากิญจัญญายตนฌานจิตที่หน่วงเอา
ความไม่มีมาเป็นอารมณ์นั้น เป็นจิตมีสัญญาที่ละเอียดมากประณีตมากและสงบมากด้วย
สัญญานั้น สงบและประณีตมากจนแทบจะไม่รู้สึกว่ามี
เมื่อบริกรรมดังกล่าวด้วยความพยายามเรื่อยไปไม่ทอดทิ้งจนจิตใจปราศจากความยินดี
96 DOU สมาธิ 7 : ส ม ก กั ม มัฏฐาน 4 0 วิธี