เมตตาและตัณหาเปมะในธรรมะ MD 407 สมาธิ 7  หน้า 39
หน้าที่ 39 / 149

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างเมตตาอโทสะ ซึ่งเป็นความปรารถนาดีต่อตนเองและผู้อื่นอย่างแท้จริง และตัณหาเปมะ ซึ่งเป็นเมตตาแบบมีความยึดติดที่เกิดจากความรักใคร่ โดยเสนอขั้นตอนการเจริญเมตตาผ่านการฝึกฝนตามพรหมวิหาร 4 เพื่อเสริมสร้างจิตใจที่มีความสงบและยั่งยืน พร้อมทั้งจัดการกับความกังวลในชีวิตประจำวันเพื่อการบรรลุถึงสภาวะจิตที่บริสุทธิ์.

หัวข้อประเด็น

-เมตตาอโทสะ
-ตัณหาเปมะ
-พรหมวิหาร 4
-การเจริญเมตตา
-ขันติธรรม
-การจัดการความกังวล

ข้อความต้นฉบับในหน้า

1. เมตตาอโทสะ คือ เมตตาแท้เป็นความปรารถนาดีต่อสัตว์ทั้งหลายอย่างแท้จริงโดย ไม่ยึดถือว่าผู้ที่เราแผ่ความปรารถนาดีรักใคร่นั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเรา เช่น เป็นบิดา มารดา บุตร ธิดา ภรรยา สามี ภรรยา ญาติพี่น้อง เพื่อน ผู้ร่วมงาน ฯลฯ เมื่อไม่มีการยึดถือ แม้เมื่อบุคคลเหล่านั้นจะห่างไกลไปจากเรา เราก็ไม่รู้สึกเดือดร้อน คงปรารถนาให้เขาอยู่ดีมีสุข ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่แห่งใด 2. ตัณหาเปมะ คือ เมตตาเทียม เป็นความปรารถนาดีเพราะมีความรักใคร่กำหนัดยินดี เป็นความรักใคร่ชื่นชมที่มีการยึดถือว่าผู้นั้นผู้นี้เป็นผู้ที่เรารักใคร่ เป็นผู้มีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องอย่างนั้นอย่างนี้กับเรา เมื่อต้องแยกจากกันจะรู้สึกเสียใจ ไม่สบายใจ สภาวะของจิตที่ มีความรักใคร่แบบนี้ ไม่ใช่จิตใจที่ประกอบด้วยอโทสะ (ความไม่โกรธ) แต่เป็นจิตใจที่ประกอบ ด้วยโลภะเมตตาชนิดตัณหาเปมะนี้ จึงไม่ใช่เมตตาบริสุทธิ์เหมือนเมตตาอโทสะเป็นเมตตาเทียม แต่อย่างไรก็ดีแม้จะเป็นเมตตาเทียมที่มีประโยชน์มาก เมื่อปฏิบัติบ่อยๆ ก็อุดหนุนให้เมตตาแท้ เกิดขึ้นได้เหมือนกัน ตัณหาเปมะนี้เป็นสภาพธรรมที่ขัดกันกับการเจริญสมาธิ ตลอดจนขัดต่อการเจริญจิต ให้มีสติสัมปชัญญะ ผู้ที่มุ่งบำเพ็ญเพียรให้บรรลุโลกุตรธรรมจะต้องกำจัดตัณหาเปมะทิ้งเสีย 2.3.1 ขั้นตอนการเจริญเมตตา ในพรหมวิหารทั้ง 4 อย่าง คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขานั้น เมื่อปรารถนาจะ เจริญเมตตาพรหมวิหารเป็นข้อแรก เบื้องต้นต้องตัดปลิโพธ คือ ความกังวลทั้ง 10 ประการ ให้หมดแล้วจึงรับเอากัมมัฏฐานจากอาจารย์มาศึกษาให้เป็นที่เข้าใจสามารถนำไปปฏิบัติได้ อย่างถูกต้อง ก่อนลงมือปฏิบัติควรบริโภคอาหารให้อิ่มพอประมาณ บรรเทาความง่วงที่เกิด จากการบริโภคให้สร่างหาย จากนั้นให้นั่งขัดสมาธิอย่างสบายๆ ณ อาสนะที่ได้จัดเตรียมไว้ในที่ ปราศจากเสียงรบกวนและไม่มีคนพลุกพล่าน เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว ประการแรกควร พิจารณาให้เห็นโทษของความโกรธ และอานิสงส์ของขันติ ความอดทน) จนเห็นชัดเจนเสียก่อน ที่ต้องพิจารณาอย่างนั้นก็เพราะการเจริญเมตตาพรหมวิหารมีความประสงค์เพื่อที่จะขจัด ความโกรธและสร้างขันติธรรมให้เกิดขึ้น ประกอบกับมีหลักความจริงอยู่ว่า ไม่ว่าใครก็ตามย่อม ไม่อาจขจัดสิ่งที่ตนยังไม่เห็นโทษ และไม่อาจบรรลุถึงซึ่งอานิสงส์ที่ตนยังไม่ได้รู้มาก่อนได้ สงัด 1 ปลิโพธ คือ ความกังวล 10 ได้แก่ 1.ความกังวลในที่อยู่ 2.ความกังวลในตระกูลอุปัฏฐาก 3.ความกังวลใน ลาภสักการะ 4.ความกังวลในหมู่คณะ 5.ความกังวลในการงาน 6.ความกังวลในการเดินทาง 7.ความกังวลในหมู่ญาติ 8.ความกังวลในความเจ็บป่วย 9.ความกังวลในการเรียน 10.ความกังวลในฤทธิ์ 30 DOU สมาธิ 7 : ส ม า ก ม ม ฏ ฐ า น 4 0 วิธี
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More