ความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายและอสุภะ MD 407 สมาธิ 7  หน้า 15
หน้าที่ 15 / 149

สรุปเนื้อหา

บทความนี้เน้นความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ว่าเป็นปฏิกูล แม้จะถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอางหรือเสื้อผ้าแต่แท้จริงแล้วมีความน่าเกลียด ส่งผลให้มนุษย์หลงใหลซึ่งอวิชชา เข้าใจว่าเป็นของปรารถนา การเจริญอสุภกัมมัฏฐานช่วยให้ผู้คนเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและค้นพบความสงบภายใน ด้านหลักฐานในพระไตรปิฎกมีการอธิบายรูปแบบการเจริญสมาธิแบบอสุภภาวนา ซึ่งหมายถึงการพิจารณาความไม่สวยงามเพื่อช่วยให้หลุดพ้นจากทุกข์

หัวข้อประเด็น

-การสำรวจความจริงของร่างกาย
-การเจริญอสุภะ
-ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและใจ
-อวิชชาและความหลงผิด
-การพัฒนาสมาธิและความสุขภายใน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระราชาหรือเป็นยาจกวณิพกก็ตาม ก็นับว่ามีร่างกายที่เป็นปฏิกูล ไม่สะอาด มีกลิ่นเหม็น เสมอเหมือนกัน ไม่มีความแตกต่างกันเลย ร่างกายนี้ เมื่อเราแปรงฟันหรือบ้วนปาก แล้วปกปิดอวัยวะที่น่าละอายให้หายไป ด้วย ผ้านานาชนิด ไล้ทาด้วยเครื่องลูบไล้มีกลิ่นหอม ประดับด้วยอาภรณ์ต่าง ๆ มีดอกไม้เป็นต้น ทำให้ เราเข้าใจร่างกายนี้ว่าเป็นของเรา คนทั้งหลายไม่รู้ว่าร่างกายนี้ถูกเครื่องตกแต่งปิดบังไว้ จึงไม่รู้ว่าร่างนี้มีลักษณะไม่งาม ผู้ชายจึงยินดีในหญิง หญิงจึงยินดีในชาย แต่เมื่อว่าโดยปรมัตถ์แล้ว ร่างกายนี้ที่ชื่อว่าเป็นของ น่ายินดีแม้น้อยหนึ่งไม่มีเลย เพราะชิ้นส่วนในร่างกาย เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน น้ำลาย น้ำมูก อุจจาระ และปัสสาวะ แม้ส่วนหนึ่งที่ตกไปจากร่างกายแล้ว คนทั้งหลายก็ไม่ปรารถนาจะถูกต้องแม้ด้วยมือ ย่อมสะอิดสะเอียน ขยะแขยง เกลียดชัง ชิ้นส่วนใดๆ ที่ยังเหลือในร่างกายนี้ แม้ว่าชิ้นส่วนนั้น ๆ จะเป็นสิ่งปฏิกูล แต่คนเราก็ยัง พากันยึดถือเอาว่า เป็นสิ่งที่น่าปรารถนาน่าใคร่ เป็นของเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวตน ทั้งนี้ก็เพราะ ถูกความมืดคืออวิชชาห่อหุ้มไว้ เพราะถูกความเห็นแก่ตัวครอบงำ จึงถือเอาโกฏฐาสเหล่านั้น แม้เป็นของปฏิกูลว่าเป็นของน่าใคร่ น่าปรารถนา เมื่อสัตว์เหล่านั้นยึดถือด้วยอาการอย่างนี้จึงถึง ความเป็นผู้เสมอด้วยสุนัขจิ้งจอกแก่ที่เห็นต้นทองกวาวในป่าออกดอกแล้วรีบวิ่งไป ด้วยความ สำคัญผิดว่า ตนได้ต้นไม้เนื้อ เกิดตะกละคาบเอาดอกทองกวาวที่หล่นลงๆ แม้รู้แล้วว่านี้มิใช่เนื้อ ก็ยังยึดถืออยู่ว่าดอกที่อยู่บนต้นโน้นเป็นเนื้อ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ร่างกายของมนุษย์ไม่เพียงแต่จะเป็นแหล่งความปฏิกูล และเป็น สิ่งล่อลวงตลอดกาลด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างเท่านั้น แต่ยังเป็นโซ่ตรวนซึ่งป้องกันไม่ให้หนีทุกข์ ไปได้ด้วย ดังนั้นโซ่ตรวนอันนี้จะต้องถูกทำลายเสีย ถ้าหวังจะได้ความสุขอันเกิดจากความสงบ ภายใน และความสุขนี้จะมีได้เฉพาะแก่ผู้ที่เข้าใจถึงสภาพที่แท้จริงของร่างกาย แต่อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ก็โดยอาศัยการเจริญสมาธิด้วยการพิจารณาร่างกาย ดังนั้นจึงมี รูปแบบของการเจริญสมาธิ ซึ่งปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎกแบบหนึ่ง ที่ชื่อว่า อสุภภาวนา 1.2 ความหมายของอสุภะ อสุภะ หมายถึง ไม่สวยงาม มุ่งหมายถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายของคนที่ตายไป การเจริญอสุภกัมมัฏฐาน คือ การพิจารณาซากศพในลักษณะต่าง ๆ กัน 10 ลักษณะให้เห็น ความน่าเกลียด ไม่สวยงาม โดยจะพิจารณาซากศพอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ใน 10 ลักษณะ ได้แก่ 6 DOU ส ม า ชิ 7 : ส ม ถ ก ม ม ฏ ฐ า น 40 วิธี
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More