การเจริญอรูปฌานในพระพุทธศาสนา MD 407 สมาธิ 7  หน้า 100
หน้าที่ 100 / 149

สรุปเนื้อหา

การเจริญอรูปฌานในพระพุทธศาสนาเป็นฐานะสำคัญในวิปัสสนา หรือการเห็นที่ถูกต้อง โดยที่ผู้ปฏิบัติสามารถหลุดพ้นจากมิจฉาทิฏฐิได้ แม้ว่าจะมีบุคคลบางกลุ่มที่แม้จะบรรลุฌานก็ยังยึดติดในทิฏฐิที่ไม่ถูกต้อง การปฏิบัติในอรูปกัมมัฏฐานจะมีการมองถึงโทษของร่างกาย ในส่วนที่เป็นการมองเห็นอรูปภูมิว่าเป็นภูมิที่ไม่มีทุกข์ ทางพระพุทธศาสนาแนะนำให้เข้าใจความทุกข์ที่เกิดจากร่างกาย และการพัฒนาสมาธิที่มั่นคงเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์

หัวข้อประเด็น

-การเจริญอรูปฌาน
-ปัญจมฌานลาภี
-การปฏิบัติในพระพุทธศาสนา
-มิจฉาทิฏฐิ
-วิปัสสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

และการเจริญอรูปฌานขั้นต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนา โดยมีลักษณะของการเป็นฐานไปสู่ วิปัสสนานี้ ย่อมทำให้ผู้ปฏิบัติหลุดพ้นจากมิจฉาทิฏฐิ โดยเฉพาะนัตถิกทิฏฐิ เพราะปรากฏว่ามี พราหมณ์และนักบวชบางพวกแม้จะเป็นผู้ปฏิบัติจนบรรลุฌานแล้ว ก็ยังยึดถือทิฏฐิเหล่านั้น ด้วยเหตุที่เข้าถึงการปฏิบัติที่ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงอรูปกัมมัฏฐาน จึงมีลักษณะความเห็นของการปฏิบัติอยู่ 2 ประการคือ 1. ในเวลาที่พระพุทธศาสนายังไม่อุบัติขึ้น ผู้ที่เป็นนักบวชประเภทโยคีต่างๆ บำเพ็ญ ฌานถึงขั้นปัญจมฌานลาภี (ฌานที่ 5) มีความคิดกันขึ้นมาว่า ร่างกายนี้เป็นต้นเหตุของความ ทุกข์ต่างๆ เช่น ต้องเจ็บป่วย แก่ชรา การทะเลาะวิวาทประหัตประหารกันก็ดี โรคภัยก็ดี ความ กำหนัดรักใคร่ในกันและกันก็ดี การยื้อแย่งวัตถุสิ่งของกันและกันก็ดี ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแต่เนื่องจาก ร่างกายทั้งสิ้น เพราะมีร่างกายจึงมีตัณหา เช่น ความอยากในอาหาร ความอยากเสพกาม อยากได้ รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสที่ดี อันเป็นสิ่งนำความทุกข์ประการต่าง ๆ มาให้ สำหรับร่างกายเองนั้น ก็เกิดมาจากสิ่งไม่สะอาดมีเลือดของบิดามารดา ฯลฯ จึงเรียกว่า กรชกาย (กะ แปลว่า สรีระ รชะ แปลว่า ธุลี) แปลว่า กายอันเกิดด้วยธุลีในสรีระ ปัญจมฌาน ลาภีบุคคลเหล่านี้ เห็นว่าในอรูปภูมิเป็นภูมิที่ปราศจากร่างกาย มีแต่จิตใจอย่างเดียว เรื่องเดือดร้อนต่างๆ ที่เกี่ยวกับกายก็หมดไป นับว่าเป็นความสุขอย่างยิ่ง เมื่อเกิดความคิดเห็น ดังนี้แล้ว ก็เกิดเบื่อหน่ายในร่างกาย อยากจะไปบังเกิดในอรูปภูมิอย่างเดียว พร้อมกันนั้นก็เกิด ความกลัวในปฏิภาคนิมิต อันเป็นอารมณ์ของรูปาวจรปัญจมฌาน ที่เกิดต่อเนื่องมาจากรูปที่ เป็นองค์กสิณ เรียกว่า เบื่อหน่ายเกลียดกลัวในร่างกายอันเป็นรูป ความเกลียดกลัวนั้นยังต่อเนื่อง มาจนแม้ในปฏิภาคนิมิตที่มาจากรูปกสิณก็กลัวไปด้วย เหมือนคนกลัวผี เห็นตอไม้ในตอนมืด ก็นึกหวาดกลัวว่าผีหลอก 2. เกิดจากความเห็นที่เกิดขึ้นในสมัยที่มีพระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นแล้วปัญจมฌานลาภี- บุคคลไม่ได้พิจารณาเห็นโทษของร่างกายแต่ประการใด แต่เห็นว่าสมาธิที่เกิดจากอรูปฌานนั้น มีกำลังมั่นคง และประณีตกว่าสมาธิที่เกิดจากรูปฌาน เป็นสมาธิในขั้นที่สามารถใช้ทำอภิญญา หรือหากได้สำเร็จเป็นพระอนาคามี พระอรหันต์เวลาใดยังช่วยให้เข้านิโรธสมาธิบัติอันเป็นสภาวะ ที่มีสันติสุขอย่างยิ่งได้ 2 1 2 พรหมชาลสูตร ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่มที่ 11 ข้อ 26 หน้า 15. อุบาสิกา ถวิล (บุญทรง) วัติรางกูล, เราคือใคร (กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์กรุงเทพฯ, 2530), หน้า 444. อ รู ป กั ม ม ฏ ฐ า น DOU 91
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More