ข้อความต้นฉบับในหน้า
ของเลี้ยงซากศพ
9. นิสฺสนฺทโต พิจารณาความเป็นปฏิกูลโดยการหลั่งไหลว่า อาหารที่บริโภคเข้าไปนั้น
เมื่อบริโภคอาหารเข้าไปเพียงทางเดียว แต่เวลาไหลออกก็ออกทางทวารทั้ง 9 เช่น ไหลออก
ทางช่องตาก็เป็นขี้ตา ไหลออกทางช่องปาก เป็นน้ำลาย เสมหะ ไหลออกจากทวารหนักเป็น
อุจจาระ ไหลออกจากทวารเบาเป็นปัสสาวะ ไหลออกจากขุมขนเป็นเหงื่อ เป็นต้น ขณะที่
บริโภคอาหารก็ล้อมวงกันรื่นเริง แต่เวลาถ่าย ออกก็แยกกันไปปิดบังกัน ซ่อนเร้นไม่ให้ใครเห็น
โบราณาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า
“อาหาร เครื่องดื่ม ของเคี้ยวและโภชนะซึ่งมีค่ามาก เข้าโดยทวารช่องเดียวแต่หลั่งออก
โดยทวารทั้ง 9 อาหาร เครื่องดื่ม ของเคี้ยวและโภชนะซึ่งมีค่ามาก บุคคลแวดล้อมบริโภคอยู่
แต่เวลาเขาจะถ่ายออกมา ย่อมแอบแฝง อาหาร เครื่องดื่ม ของเคี้ยวและโภชนะซึ่งมีค่ามาก
บุคคลชื่นชมบริโภคอยู่ แต่เมื่อจะให้ถ่ายออก กลับเกลียดอาหาร เครื่องดื่ม ของเคี้ยวซึ่งมีค่ามาก
โดยขังอยู่เพียงคืนเดียวเท่านั้น กลายเป็นของเน่าไปหมด”
10. สมุมกขนโต พิจารณาความเป็นปฏิกูลโดยความแปดเปื้อนว่า อาหารนี้เมื่อเวลา
บริโภคอยู่ก็เปื้อนมือ ปาก ลิ้น เพดาน ต้องล้างแล้วล้างอีกไม่ใคร่จะหมดกลิ่น เมื่อย่อยเสร็จแล้วก็
ยังกลายเป็นขี้มูก ขี้ตา ขี้หู ขี้ฟัน สิ่งน่าเกลียดเต็มไปทั่วร่างกาย เวลาถ่ายออกก็เปรอะเปื้อน
น่าเกลียด ต้องชำระล้าง ใส่เครื่องหอมกลบความโสโครกและกลิ่นเหม็น แม้จะหมั่นอาบน้ำ
วันละหลาย ๆ ครั้ง ก็ไม่อาจให้สะอาดได้นาน ได้เพียงชั่วคราวแล้วก็สกปรก เปรอะเปื้อนใหม่อีก
เป็นอย่างนี้ไม่รู้จักจบสิ้น
การปฏิบัติอาหาเรปฏิกูลสัญญากัมมัฏฐาน มุ่งหมายเอาเฉพาะเรื่องกพฬิงการาหาร
เป็นประการสำคัญ
ส่วนอาหารอื่น ๆ แม้จะมิได้นำมากำหนดเป็นอารมณ์กัมมัฏฐาน แต่ก็ควรทราบถึงภัย
ทั้งหลายเหล่านั้น พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้ว่า
ยังกิญจิ ทุกขัง สัมโภติ สัพพัง อาหาระปัจจะยา
อาหารานัง นิโรเธนะ
นัตถิ ทุกขัสสะ สัมภะโว ฯ
แปลว่า ทุกข์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ทุกข์เหล่านั้นทั้งหมด ย่อมมีอาหารทั้ง 4 ช่วยอุดหนุน
ให้เกิดเสมอ ดังนั้นถ้าอาหารทั้ง 4 ดับลงเมื่อใด ความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ไม่มี เมื่อนั้น
วิสุทธิมรรค
อ า ห าเรปฏิกูลสัญญา DOU 111