ข้อความต้นฉบับในหน้า
1. วจนตกโต โดยความหมายแห่งศัพท์ คือ ดินที่เรียกว่า ปฐวี เพราะแผ่ไป น้ำที่
เรียกว่า อาโป เพราะเอิบอาบให้ชุ่มอยู่ หรือให้เต็มอยู่ ไฟ เรียกว่า เตโช เพราะทำให้ร้อน ลม
เรียกว่า วาโย เพราะพัดให้ไหวทุกศัพท์ถูกเรียกว่า ธาตุ เพราะทรงไว้ซึ่งลักษณะของตน และเป็นที่
ตั้งแห่งทุกข์ เป็นที่ก่อให้เกิดทุกข์
2. กลาปโต
โดยความเป็นกอง ปฐวีธาตุ มี 20 กอง มีผมเป็นต้น อาโปธาตุมี
12 กอง มีน้ำดี เป็นต้น ผมที่ปรากฏเป็นกองก็เพราะการประชุมรวมกันของธรรม 8 อย่าง คือ
สี กลิ่น รส โอชา และธาตุทั้ง 4 มารวมตัวกัน เราจึงสมมติกันเรียกว่าเป็นผม เมื่อแยกกันออก
แล้ว ก็ย่อมไม่เรียกว่า ผม
3. จุณฺณโต โดยความแยกละเอียด กล่าวคือ ร่างกายนี้ประกอบด้วยส่วนย่อย
ต่าง ๆ นับไม่ถ้วนในรูปแบบเป็นเซล และเป็นกล้ามเนื้อซึ่งเป็นปฐวีธาตุ สามารถลดลงเป็นส่วน
เล็กที่สุด ดุจธุลีละเอียด เมื่อตวงดูจะได้ประมาณ 20-30 ลิตร แต่ที่เราเห็นเป็นรูปร่างก็เพราะ
ปฐวีธาตุ มีอาโปธาตุเกาะกุมยึดไว้ให้เป็นรูปเป็นร่าง มีเตโชธาตุเลี้ยงรักษาไว้วาโยธาตุคอยค้ำจุน
ให้ตั้งมั่น จึงไม่กระจัดกระจาย และทำให้ปรากฏ เป็นเพศหญิง เพศชาย อ้วนบ้าง ผอมบ้าง สูง
บ้าง เตี้ยบ้าง แข็งแรงบ้าง อ่อนแอบ้าง
อาโปธาตุในร่างกายนี้ เป็นของเหลว มีอาการซึมซาบตั้งอยู่ในธาตุดิน มีธาตุไฟ
ตามรักษา มีลมประคับประคอง ทำให้ไม่หยุด ไม่ไหลไป ไม่เรี่ยราดกระจัดกระจาย น้ำย่อม
สร้างเนื้อหนังคือลักษณะรูปร่างทั้งหมดขึ้นมา
เตโชธาตุในร่างกาย มีลักษณะร้อน ตั้งอยู่ในธาตุดิน มีน้ำยึดให้ติดอยู่ด้วยกัน มีลม
ประคับประคอง ย่อยสิ่งที่คนรับประทานและดื่มเข้าไป ทำให้ร่างกายอบอุ่น เจริญเติบโต และ
เป็นเหตุแห่งความงามของร่างกาย และเมื่อมีธาตุไฟนี้ ร่างกายก็จะไม่เน่าเปื่อย
วาโยธาตุในร่างกายนี้ ตั้งอยู่ในธาตุดิน มีน้ำเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว มีไฟตามรักษา
มีลักษณะเคลื่อนไหว และประคับประคอง ซ่านไปตามอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้กายนี้
เคลื่อนไหวได้ และประคับประคองร่างกายให้ตั้งตรงและไม่ล้มลง ธาตุลมนี้ช่วยทำให้ร่างกาย ยืน
เดิน นั่ง นอนได้ เหยียดแขนเข้า ออก ทำให้มือและเท้าเคลื่อนไหวได้ ร่างกายนี้จึงเป็นเหมือน
เครื่องจักรกล ซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วนต่าง ๆ ล่อลวงคนทั้งหลายโดยความเป็นหญิง เป็นชาย
ดังนั้น จึงควรพิจารณาให้เห็นว่า เพราะร่างกายนี้ประกอบด้วยธาตุ 4 จึงเป็นร่างกายอยู่ได้
จตุธาตุววัตถา น DOU 135